โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า คดีของน้องบีมเกิดขึ้นเมื่อปี 2548 ถูกรถบรรทุก 18 ล้อพุ่งชนรถกระบะ ที่น้องบีมนั่งมากับบิดาและมารดา จนทำให้บิดาเสียชีวิต และน้องบีมบาดเจ็บหนัก จนเดินไม่ได้ เหตุเกิดที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี จึงได้มีการฟ้องคดีเพื่อเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง และศาลพิพากษาให้น้องบีมชนะคดี ได้ค่าเสียหายรวม 5 ล้านบาท ซึ่งได้เงินก้อนแรกมา 280,000 บาท
ทั้งนี้ แต่ทางทนายความคนเก่า ได้ใช้หนังสือมอบอำนาจไปแอบเจรจายอมความกับจำเลย ทำให้ครอบครัวน้องบีมไม่ได้รับเงินค่าเสียหายตามคำพิพากษา จึงได้มาร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรม เมื่อปี 2560 และได้รับการช่วยเหลือ จนในที่สุด เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2563 ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมให้แก่ครอบครัวน้องบีม แต่ได้มีการประนีประนอมและทำบันทึกข้อตกลงชำระหนี้ 3,815,915 บาท โดยให้สั่งจ่ายเป็นเช็ค 29 ฉบับดังเดิม โดยเริ่มฉบับแรกวันที่ 31 ต.ค. 2563 เป็นเช็ค 9 แสนบาท จากนั้นให้ทยอยชำระหนี้ ซึ่งจะครบจำนวนในปี 2566 หากชำระเสร็จครบถ้วนจึงจะมีการถอนบังคับคดี
"ในเรื่องนี้หากครอบครัวของน้องบีมไม่ได้รับการชำระเงินตามที่กำหนด ขอให้กลับมาร้องเรียน ตนจะตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ซึ่งการติดตามให้บังคับคดี มีความรวดเร็วเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประชาชน ซึ่งคดีนี้ถือเป็นตัวอย่างของการทำงานของกรมบังคับคดีที่มีความรวดเร็วและติดตามจนสำเร็จ ทั้งนี้หากประชาชนเดือดร้อน ไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครที่ไหน ขอให้ท่านมาที่กระทรวงยุติธรรม หรือสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศ ข้าราชการทุกคนพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ"นายสมศักดิ์ กล่าว
ด้าน น.ส.พรทิพย์ กล่าวว่า ขอขอบคุณกระทรวงยุติธรรม และกรมบังคับคดีที่ช่วยเหลือตั้งแต่แรกจนจบคดี ส่วนตัวดีใจมากที่ได้รับความเป็นธรรม