อาจารย์ ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง หรือ ซินแสเข่ง ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์ พยากรณ์แห่งประเทศไทย บอกว่า ดวงชะตาของ "บิ๊กโจ๊ก" ช่วงระหว่างอายุ 50 ถึง 51 ปีนั้น โดยพื้นฐานดวงชะตาเป็นบุคคลที่มีดวงของการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างเต็มตัว แต่เป็นบุคคลที่มักมีความเครียด ชอบคิดอะไรล่วงหน้า จนบางครั้งเรื่องยังไม่เกิดแต่มักจะคาดการณ์ล่วงหน้าก่อนเสมอ และอ่านคนได้ออกว่ามาดีหรือมาร้าย / มีโอกาสประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานที่สูง เปรียบเสมือนเป็นบุคคลที่นั่งเก้าอี้สามขามาเกิด มีดวงราชา
ซินแสเข่ง วิเคราะห์ต่อว่า "บิ๊กโจ๊ก" เป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย มีความทะเยอทะยานไม่นิ่งอยู่กับที่ โดยฐานดวงชะตามี 2 เส้นทางให้เลือก ก็คือ ถ้าดี ก็ดีแบบสุดยอดของชีวิต แต่ถ้าแย่ ก็แย่แบบสุดๆ ฉะนั้น ต้องระมัดระวังในการทำงานที่อาจจะมีผลประโยชน์ที่ขัดแย้งกัน ทำให้ไม่ราบรื่นดั่งใจที่คาดหวัง ทั้งที่เป็นคนที่มีความจริงใจตลอดมาและเมื่อเปรียบเทียบฐานดวงชะตา ก็ไม่ห่างจาก "บิ๊กแป๊ะ" พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มีวิญญาณของผู้พิทักษ์สันติราษฏร์อย่างเต็มตัว และมีเรื่องของการปฏิบัติในศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง หากได้ปฏิบัติหรือสวดมนต์บ่อยๆก็จะได้ดั่งใจที่คาดหวัง เพราะเป็นคนที่ขออะไรได้ หากรู้จักปฏิบัติ
ซินแสเข่ง ทิ้งท้ายอีกว่า ในปี 2563 หน้าที่การงานของ "บิ๊กโจ๊ก" อาจจะยังไม่ได้ดั่งใจ รวมถึงปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่เบียดเบียน ก็ขอให้ปล่อยวางบ้าง เพราะยังจะมีเรื่องกระทบให้ไม่สบายใจ มีโอกาสที่จะออกจากการปฏิบัติราชการได้ แต่ในปี 2565 จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ทั้งหน้าที่ตำแหน่งการงานที่ดี ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่างต่อเนื่องถึงบั้นปลายชีวิต
แต่ในดวงชะตานั้น ยังมีเรื่องต้องแก้ไขที่เป็นอุปสรรคกดดวงชะตาชีวิตที่ไม่ให้ไปถึงดวงดาวได้ ทั้งๆที่ดูเหมือนจะดี แต่ก็ถูกกดชะตาชีวิตให้เหมือนให้ต้องจมน้ำ ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนตลอดเวลา หากไม่แก้ไขก็อาจจะต้องเป็นเช่นนี้ไปตลอดชีวิต เนื่องจากชื่อ "สุรเชษฐ" เป็นตัวเหน็ดเหนื่อยและอุปสรรค ที่ทำให้ชีวิตต้องดิ้นรนขวนขวาย ทั้งที่เห็นอยู่แค่เอื้อม แต่ก็เอื้อมไม่ถึงเสียที