svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ชาวอเมริกัน โทษรัฐบาล ต้นเหตุทำโควิด-19 ระบาดหนักในสหรัฐฯ

09 ตุลาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผลสำรวจจากสำนักวิชานโยบายสาธารณะแฮร์ริส มหาวิทยาลัยชิคาโกของสหรัฐฯ พบว่าร้อยละ 78 ของชาวอเมริกันเชื่อว่านโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้เกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ (โควิด-19) ในประเทศ รวมถึงอีกร้อยละ 56 ที่คิดว่านโยบายเหล่านั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง


                       

 

 

ชาวอเมริกันยังมีแนวโน้มมองว่าสหรัฐฯควรมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 มากกว่าที่จะเป็นองค์การอนามัยโลก(WHO) ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและจีน ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 78 ร้อยละ 57 ร้อยละ 55 และร้อยละ 51 ตามลำดับ

 





ชาวอเมริกันเพียงร้อยละ 57เท่านั้นที่ประสงค์จะรับวัคซีนเมื่อพร้อมใช้งานแล้วและตัวเลขดังกล่าวลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 46 หากวัคซีนไม่ได้ถูกพัฒนาในสหรัฐฯ

 





ผลสำรวจสะท้อนจุดแตกต่างทางความคิดเห็นเกี่ยวกับการควานหาตัวผู้ที่ต้องรับผิดชอบสถานการณ์โรคโควิด-19ในสหรัฐฯ รวมถึงการพัฒนาและการจัดจำหน่ายวัคซีน

 





ร้อยละ 55 ของประชาชนฝ่ายสนับสนุนพรรครีพับลิกันกล่าวโทษองค์การอนามัยโลกซึ่งสูงกว่าร้อยละ 28 ของฝ่ายที่ไม่สนับสนุนพรรคใด และร้อยละ 27ของฝ่ายสนับสนุนพรรคเดโมแครต

 





ร้อยละ 39ของประชาชนฝ่ายสนับสนุนพรรครีพับลิกันต้องการให้องค์การอนามัยโลกมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวัคซีนซึ่งต่ำกว่าร้อยละ 59 ของฝ่ายที่ไม่สนับสนุนพรรคใด และร้อยละ 75ของฝ่ายสนับสนุนพรรคเดโมแครต

 





ผลสำรวจพบว่าชาวอเมริกันร้อยละ 58รวมถึงฝ่ายสนับสนุนรีพับลิกันร้อยละ 79 ระบุว่าสหรัฐฯควรเก็บวัคซีนไว้แต่เพียงผู้เดียว แม้ประเทศอื่นจะได้รับวัคซีนน้อยลง ขณะที่ร้อยละ39 ระบุว่าวัคซีนควรพร้อมใช้งานในประเทศอื่นโดยทันที

 






ขณะเดียวกันประชาชนฝ่ายสนับสนุนพรรครีพับลิกันมีแนวโน้มจะรับวัคซีนน้อยกว่าฝ่ายสนับสนุนพรรคเดโมแครตไม่ว่าวัคซีนนั้นจะถูกพัฒนาขึ้นในสหรัฐฯ หรือไม่ โดยมีอัตราส่วนอยู่ที่ร้อยละ 42และร้อยละ 70 ตามลำดับ

 






ผลสำรวจทั่วประเทศชิ้นนี้สำรวจความคิดเห็นจากผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน1,053คน ร่วมจัดทำโดยสำนักวิชาฯ และศูนย์วิจัยกิจการสาธารณะ เอพี-เอ็นโออาร์ซี (AP-NORC) ระหว่างวันที่11-14 ก.ย. 2020 และถูกเผยแพร่ก่อนมีการประชุมเพียร์สัน โกลบอล ฟอรัม 2020ทางออนไลน์เมื่อวันที่ 6-8 ต.ค.ซึ่งมีนักวิจัยและผู้กำหนดนโยบายเข้าร่วมหารือการพัฒนากลยุทธ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ

logoline