svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"จตุพร"ห่วงม็อบนัดชุมนุม14ต.ค.พร้อมขออย่าเลย3ข้อเรียกร้อง

07 ตุลาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"จตุพร พรหมพันธุ์" ห่วงม็อบนัดชุมนุม 14 ต.ค. ถามกลับเอาประเด็นไหนมาม้วนเดียวจบ ย้ำให้จุดยืน 3 ข้อเรียกร้อง หากเลยคงยากไปสู่เป้าหมาย วอนรัฐอำนวยความสะดวกพร้อมดูแลกันเกิดโรคแทรกซ้อน หนุนจัดเลือกตั้งจบคราวเดียว อย่าแบ่งประเภท เพราะทำให้เปลืองงบประมาณ หยันกกต.ทำไม่ได้ลาออกไป

8 ตุลาคม 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ส่วนตัวมีความห่วงใยและปรารถนาดีกับการชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ดังนั้น ขอให้ฝ่ายรัฐอำนวยความสะดวกกับผู้ชุมนุม พร้อมทั้งเข้มงวดรักษาความปลอดภัย อย่าให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น และอย่าได้มีวีรชนเกิดขึ้นกันอีกสักคนเดียวในปี 2563

ทั้งนี้ ส่วนตัวกังขาการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นเมื่อ 14 ต.ค. แบบม้วนเดียวจบนั้น จะเอาประเด็นอะไรเป็นหลัก ถ้าเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญ และไล่รัฐบาล ยังพอเห็นเค้าจะประสบความสำเร็จ แต่คงต้องดำเนินการเป็นช่วงๆ เพราะรัฐบาลที่มาจากกลไกการรัฐประหารคงยืนท้าทายได้ หากประเด็นการชุมนุมเลยเถิดไปจากเรียกร้อง 3 ข้อแล้ว รัฐบาลคงไม่วิตกทุกข์ร้อนอะไร

ขณะเดียวกัน ยิ่งไปต่ออายุให้รัฐบาลส่วนเสื้อแดงจะมาร่วมชุมนุมนั้น เป็นสิทธิและเสรีภาพ สำหรับตนแล้วยังอยู่ที่สถานะคัดท้ายเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ถ้าประเด็นเรียกร้องเลยเถิดไปจาก 3 ข้อเรียกร้องแล้ว จึงเท่ากับเลยจุดยืนของตน ซึ่งมีความห่วงใย ซึ่งตนยังยืนหยัดว่า หากการชุมนุมมีเป้าประสงค์มุ่งไปที่รัฐบาล และระบบรัฐสภาแล้ว จะมีโอกาสบรรลุชัยชนะได้ แต่เมื่อเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว คงต้องถามว่า ปัญหาวันนี้ต้องการอะไร

"ถ้าต้องการจัดการรัฐบาล จัดการระบบรัฐสภาที่เป็นปัญหา ควรกำหนดให้มีความชัดเจน เพราะผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นต่างๆนานา รวมทั้งประวัติศาสตร์มีบทเรียน 6 ต.ค. ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ขมขื่นและเจ็บปวดของนิสิต นักศึกษา ประชาชน เพราะเป็นการล้อมปรามอย่างอำมหิต และสั่งสมให้เกิดความเกลียดชังขั้นสูงสุด ที่ถูกอีกฝ่ายปลุกขึ้นมา โดยไม่คิดว่าคนอีกฝ่ายหนึ่งมีสภาพเป็นคนไทย" ประธาน นปช. กล่าว

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญของเหตุการณ์ 6 ต.ค.นั้น มาจากการสร้างสถานการณ์ปลุกกระแสโค่นล้มสถาบัน จึงเกิดความเกลียดชังนักศึกษา ประชาชน อย่างรุนแรงในช่วงนั้น จนทำให้ใช้ความอำมหิตตามมา เมื่อประวัติศาสตร์สอนให้รู้ถึงบทเรียนแล้ว มาครั้งนี้ยังนำเสนอแบบโจ่งแจ้งขนาดนี้ สถานการณ์จึงน่าวิตกกังวลอย่างยิ่ง

ขณะเดียวกัน พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) บอกว่าการรัฐประหารมีโอกาสเป็นศูนย์นั้น ประกอบกับสถานการณ์กำลังนำไปสู่การชุมนุม 14 ต.ค. จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนอีกฝ่ายก็ปลุกกันทั่วประเทศ ซึ่งอาจวิวัฒนาการนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ต.ค.ได้ จึงคาดว่าถ้าประเด็นเรียกร้องทะลุเพดาน 3 ข้อไปแล้ว คงไม่เห็นทางเดินไปสู่เป้าหมายความต้องการได้

"ผมยังยืนยันว่า ต้องให้มีการแก้ไขปัญหาตามแนวทางสันติวิธี ไม่ว่าจะเกิดมีความเห็นแตกต่างก็ตาม การใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาต้องไม่เกิดขึ้น จะต้องไม่มีวีรชนเกิดขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อวีรชนคือคนตาย ดังนั้นในปี 2563 ประเทศไทยไม่ควรมีวีรชนกันอีกต่อไป จึงหวังว่า ฝ่ายรัฐควรใช้ความอดทน และต้องป้องกันโรคแทรกซ้อนให้กับผู้ชุมนุมด้วย" นายจตุพร ระบุ

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่าวันที่ 14 ต.ค. จะมีประชาชนออกมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก และรัฐต้องอำนวยความสะดวกทุกประการ พร้อมกับรับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยเพื่อลดทอนอุณหภูมิ แม้ตนมีความเป็นห่วงในสถานการณ์ แต่เคารพในการต่อสู้ของประชาชน และต้องระวังโรคแทรกซ้อนของฝ่ายไม่หวังดีด้วย และหวังว่าจะรอดพ้นจากโรคแทรกต่างๆได้

ส่วนการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่ควรเลือกตั้งกันหลายครั้ง ไม่ต้องเสียงเงินกันซ้ำซ้อน ควรเลือกตั้งกันทุกประเภทในวันเดียวกัน ซึ่งหลายประเทศยังทำกันได้ หากยังคิดแบ่งกันเป็นห้วงเวลาแล้ว เป็นการเพิ่มภาระงบประมาณของประเทศ ดังนั้น ขอเสนอให้จัดการการเลือกตั้งท้องถิ่นทุกประเภทในวันเดียวให้จบ ซึ่งคนไทยสามารถทำได้ทุกอย่างในวันเดียว ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำไม่ได้ ในวันเดียวแล้วก็ลาออกไป

logoline