"พิธา"เตือนรัฐอย่าเลือกทางตันซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีต

(6 ตุลาคม 2563) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวระหว่างเข้าเดินทางมาร่วมรำลึก 44 ปี 6 ต.ค. 2519 ว่า คงไม่มีเหตุการณ์ใดเป็นเครื่องเตือนใจได้เท่าเหตุการณ์ 6 ต.ค. ถึงเวลาแล้วที่จะเรียนรู้ถึงความอดทนอดกลั้นของคนในสังคม และไม่ว่าจะมีความเห็นต่างทางการเมืองอย่างสุดโต่งมากแค่ไหน ก็ไม่ใช่เป็นข้ออ้างให้รัฐใช้ความรุนแรงกับประชาชนในชาติ ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม โดยเฉพาะช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เกิดความขัดแย้งทางการเมือง ก็จะมีการสร้างวาทกรรม ทำให้เกิดความเกลียดชังและความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เหตุการณ์เดือนตุลา และความรุนแรงมักจะเกิดจากผู้มีอำนาจรัฐ เนื่องจากมักจะนับจำนวนของผู้สูญเสียได้ แต่ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่ทราบยอดของคนยิง คนใช้อาวุธ รวมไปถึงคนที่สั่งการ ไม่ต้องรับผิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนสถานการณ์ในปัจจุบันมีโอกาสจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอดีตหรือไม่นั้น มองว่าเหตุการณ์พวกนี้ทำแบบเป็นระบบ สร้างกลุ่มคนขึ้นมา สร้างวาทกรรมต่างๆ ขึ้นมา เพื่อที่จะบอกว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่คนไทย มีคนอยู่เบื้องหลังจากต่างประเทศ ซึ่งรัฐควรได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ และไม่ควรจะใช้คำพูดหรือวาทกรรม ที่ทำให้อาจเกิดความขัดแย้ง ทั้งเรื่องวาทกรรมชังชาติ เช่น บอกว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีท่อน้ำเลี้ยง

"เพราะมันล้วนแล้วแต่เป็นการกระตุ้นให้เกิดความรุนแรง เป็นการโยนฟืนเข้ากองไฟ หากไม่ต้องการให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ก็ต้องกลับไปจุดที่ง่ายที่สุด คือ รัฐต้องคุ้มครองประชาชน ไม่ใช่คุกคามประชาชน หากมองเห็นภาพพวกนี้ได้ รัฐยอมถอยทำตามข้อเรียกร้อง เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนผ่านไปตามครรลองของประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น ไม่จำเป็นต้องเลือกทางตัน อย่างภาพนิทรรศการเหตุการณ์เดือนต.ค.ที่เกิดขึ้น" นายพิธา กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้ผู้นำมีความพยายามที่จะขจัดความขัดแย้งหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า คำพูดจากปากผู้นำก็ดูดี แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม มีหมายจับ มีการจับกุม ซึ่งวันใดที่คำพูดและการกระทำของผู้นำตรงกันวันนั้น ตนจะเชื่อ