แนะผู้ปกครองฟ้องคดีแบบกลุ่มเอาผิดร.ร.ใช้ความรุนแรงกับเด็ก

(6 ตุลาคม 2563) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงเหตุการณ์ที่บุคคลากรของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ใช้ความรุนแรงกระทำละเมิดต่อเด็กนักเรียนว่า ในข้อเท็จจริง มีบุคคลบางส่วนที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และครูชาวต่างประเทศไม่มีใบอนุญาตทำงานทำการสอนและดูแลเด็กนักเรียน อาจเข้าข่ายเป็นการจัดการศึกษาที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งผู้ปกครองสามารถใช้สิทธิฟ้องดำเนินคดีแบบกลุ่มเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและชดเชยเยียวยาค่าเสียหายได้


น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินคดีแบบกลุ่ม คือให้ผู้เสียหายตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เป็นโจทก์ฟ้องคดีเองทุกคน ซึ่งกรณีโรงเรียนเอกชน ชัดเจนว่ามีผู้เสียหายคือผู้ปกครองของนักเรียนมากกว่า 2 คน จากการกระทำที่มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเดียวกัน โดยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 222/8 กำหนดให้การฟ้องเพื่อดำเนินคดีแบบกลุ่มในคดีละเมิด คดีผิดสัญญา และคดีเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายต่าง ๆ เช่น การคุ้มครองผู้บริโภค โจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มอาจร้องขอให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มได้ อย่างน้อย 2 คดีหลัก คือ

1.คดีละเมิดจากเหตุที่บุคลากรครูใช้ความรุนแรงกระทำทารุณกรรมเด็กนักเรียน และ2.คดีผิดสัญญาจากเหตุที่สถานศึกษาจัดการศึกษาและบุคลากรครูไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามเอกสารหรือคำเชิญชวนจากบุคคลากรให้ส่งบุตรหลานเข้าเรียนโดยเสียค่าใช้จ่าย และผู้ปกครองเข้าใจผิดในสาระสำคัญนั้น


น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ดังนั้นผู้ปกครองทุกคน ที่เสียค่าเล่าเรียนและส่งบุตรหลานเข้าเรียนโรงเรียนเอกชนดังกล่าว หากพบว่าในเอกสารแนะนำโรงเรียนหรือคำโฆษณาเชิญชวนให้ผู้ปกครองตัดสินใจส่งบุตรหลานมาเรียนจึงเป็นผู้เสียหาย โดยข้อดีของการดำเนินคดีแบบกลุ่ม จะทำผู้เสียหายคือกลุ่มผู้ปกครอง ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี เนื่องจากผู้เสียหายไม่ต้องฟ้องคดีทุกคน และคดีได้รับความเป็นธรรมและทั่วถึง รวมถึงเพิ่มอำนาจต่อรองให้ผู้กระทำความผิดดำเนินการชดเชยเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้