(6 ตุลาคม 2563) นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม กล่าวภายหลังรับรางวัล "จารุพงษ์ ทองสินธุ์ เพื่อประชาธิปไตย" ว่า ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นรางวัลที่พิเศษ เพียงแต่รู้สึกถึงความสูญเสีย ที่ถูกส่งไม้ต่อให้คนรุ่นปัจจุบันสานต่อ ซึ่งการต่อสู้ไม่ได้ขาดตอน แต่กลับต่อเนื่องกัน โดยเฉพาะข้อเสนอ 10 ข้อ เป็นข้อเสนอที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้เรียกร้องกันมาตั้งแต่ในอดีต
ส่วนความคาดหวังของการชุมนุมหลังจากวันที่ 14 ตุลาคมนี้ การชุมนุมที่จะเกิดขึ้นเป็นการประท้วง กดดัน เรียกร้อง ไม่ใช่เป็นการแสดงพลังและกลับบ้านเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นการขยับเพดานการชุมนุมให้รัฐบาลลาออก พร้อมร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ทนายอานนท์ ยังอธิบายว่า การชุมนุมแบบม้วนเดียวจบ ไม่ใช่แค่วันเดียว แต่เป็นการชุมนุมแบบต่อเนื่อง หากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออกจากตำแหน่ง
ส่วนประเด็นระยะเวลาการชุมนุม ทนายอานนท์ มองว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และจำนวนผู้เข้าร่วมการชุมนุม หากมีจำนวนนับล้านคน ก็สามารถจบได้ภายในวันเดียว แต่หากเป็นหลักแสนคน แล้วต้องรอคนเข้าร่วมที่มาจากต่างจังหวัด ก็อาจยืดเยื้อหลายวันหลายคืนสำหรับการชุมนุมที่ผ่านมา ทนายอานนท์มองว่า เป็นการสะท้อนว่าประชาชนพูดเรื่องเดียวกัน แต่ยังไม่เคยรวบรวมประเด็นเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ทุกประเด็นที่เป็นข้อเรียกร้องจะถูกรวบรวมไว้ด้วยกัน
นอกจากนี้ทนายอานนท์ ยังเปิดเผยถึงข้อเรียกร้องอีกข้อคือให้รัฐสภาเปิดประชุมสมัยวิสามัญให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจากการประเมินการประชุมที่ผ่านมาพบว่า ส.ส. ส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ด้านนายภาณุพงศ์ จาดนอก แกนนำกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม เปิดเผยถึงความรู้สึกหลังได้รับรางวัลว่า ส่วนตัวไม่อยากได้รับรางวัลนี้ เนื่องจากยังไม่ได้ประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประชาชน แต่รู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่ออกมาเคลื่อนไหวแล้วมีคนเห็นเป้าหมายของการชุมนุม การเรียกร้องประชาธิปไตยไม่ใช่ภาระหน้าที่ของใคร แต่เป็นหน้าที่ของพลเมืองทุกคน ความจริงไม่จำเป็นต้องมีการเรียกร้องหากในอดีตเคยมีการเปลี่ยนแปลงแล้วและประชาธิปไตยยังคงอยู่
นายภาณุพงศ์ ยังกล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา2519 เป็นการเรียนรู้เหตุการณ์ในอดีตเพื่อมาปรับใช้กับปัจจุบัน และหวังว่าเหตุการณ์ในปัจจุบันจะไม่กลับไปซ้ำรอยอดีตอีก
ส่วนความคาดหวังถึงการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ส่วนตัวหวังว่าจะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออก หากไม่ลาออก พล.อ.ประยุทธ์ จะกลายเป็นเชื้อเพลิงปลุกให้ประชาชนออกมาขับไล่ เพราะตลอดระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีผลงานให้เห็น และไม่มีประสิทธิภาพ
ส่วนความคาดหวังของการตอบรับจากรัฐบาล นายภาณุพงศ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเมินเฉยหรือไม่ แต่ประชาชนออกมาแล้วก็ข้อร้องให้รับฟังเสียงของประชาชนด้วย หากตกลงเจรจากันได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพื่อจะทำให้เกิดความสงบ