เทียบดีเบตเลือกตั้ง "นิวซีแลนด์-สหรัฐฯ" ต่างกันราวฟ้ากับเหว!

เมื่อเวลา 19.30 น.ของวันพุธตามเวลานิวซีแลนด์ นายกรัฐมนนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นและจูดิธ คอลลินส์ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านเข้าร่วมการดีเบตที่มีผู้ชมเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับการดีเบตของสหรัฐที่ถ่ายทอดสดตรงกับเวลา 14.00 น.ในนิวซีแลนด์ และมีผู้ชมหลายล้านคนทั่วโลกจับตาดู
ผู้สมัครหญิงทั้งสองโต้เถียงกันด้วยเหตุผล ใช้ถ้อยคำสุภาพ แตกต่างจากทรัมป์และไบเดน ที่ใช้ถ้อยคำดูหมิ่นโจมตีฝ่ายตรงข้าม และทรัมป์พูดขัดจังหวะคู่แข่งตลอดโดยไม่สนใจกฎกติกามารยาท ทั้งสองคนยังโต้เถียงกันจนไม่อาจเข้าสู่ประเด็นเนื้อหาสำคัญ และถูกวิจารณ์ว่าเป็นการดีเบตที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ

เวบไซต์เดอะ การ์เดียน แชร์วิดีโอที่แสดงให้เห็นความแตกต่างของการดีเบตทั้งสองเวทีโดยเลือกคัดช่วงหนึ่งของการดีเบตในนิวซีแลนด์ที่พิธีกรขอให้ทั้งสองคนให้แสดงความเห็นเกี่ยวกับฝ่ายตรงข้าม และคอลลินส์ชื่นชมนายกรัฐมนตรีอาร์เดิร์นว่า "เธอเป็นคนมุ่งมั่นดี และเป็นคนที่สื่อสารได้ดีมากๆ" และอาร์เดิร์น บอกว่า คอลลินส์"เป็นผู้อภิปรายที่มีความมั่นใจสูงมาก" เปรียบเทียบกับภาพหลายช่วงที่ทรัมป์และไบเดนตอบโต้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร และช่วงที่ไบเดนบอกให้ทรัมป์หุบปาก
คลิปนี้มีผู้ชมกว่า 65,000 ครั้ง มีผู้เข้าไปแสดงความเห็นมากมาย โดยบอกว่า ดีเบตของนิวซีแลนด์เป็นการดีเบตระหว่างคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน ขณะที่ดีเบตของสหรัฐเป็นการดีเบตระหว่างคนหลงตัวเอง แต่บางคน บอกว่า การเปรียบเทียบสองเวทีนี้ไม่ยุติธรรม เพราะสองประเทศนี้มีความแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งในแง่ขนาดของประเทศ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม มุมมองและเป้าหมายชีวิต

ขณะที่ เบน เวสต์คอตต์ โปรดิวเซอร์ข่าวดิจิตอลของซีเอ็นเอ็น เปรียบเทียบว่า ผู้หญิงสองคนที่มีอายุรวมกันน้อยกว่าชายผมขาวสองคนที่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐถึง 50 ปี สามารถดีเบตเปรียบเทียบให้เห็นถึงความเป็นผู้นำนิวซีแลนด์ในอนาคตได้อย่างดี แม้อาร์เดิร์นและคอลลินส์โต้เถียงกัน แต่พวกเขาก็หัวเราะและกล่าวชื่นชมกันและกัน ทั้งสองคนดูสุภาพ และแทบไม่แตะประเด็นส่วนตัวของอีกฝ่าย บางช่วงยังเล่าเรื่องตลก และแสดงความเห็นตรงกันในเรื่องสำคัญหลายเรื่อง เช่น มาตรการป้องกันโรคโควิด-19
นอกจากนี้ แดเมียน เคฟ หัวหน้าฝ่ายข่าวของนิวยอร์กไทมส์ประจำนครซิดนีย์ของออสเตรเลีย ยังเปรียบเทียบว่า แม้ผู้นำนิวซีแลนด์และคู่แข่งจะอภิปรายโต้กันอย่างเข้มข้น แต่ก็มีขัดจังหวะกันน้อยมาก และเชื่อว่า การเลือกตั้งทั่วไปของนิวซีแลนด์ในวันที่ 17 ต.ค.จะเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์สะท้อนถึงเสียงเอกฉันท์ ไม่ใช่ความแตกแยก หลังจากผลสำรวจพบว่า พรรคแรงงานของนายกรัฐมนตรีอาร์เดิร์นอาจได้รับชัยชนะด้วยเสียงท่วมท้นทำให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้