(1 ตุลาคม 2563) นายประเสริฐ จันทรรวงทองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารับตำแหน่ง ว่า การตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ นับเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของพรรค ซึ่งจะเน้นการกระจายอำนาจ และการแบ่งภารกิจอย่างชัดเจน ซึ่งกรรมการบริหารพรรค จะบริหารงานโดยมีพรรคเป็นศูนย์กลางในการกระจายงาน
ส่วนสาเหตุที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค เพราะสถานการณ์การเมืองปัจจุบันอยู่ในวิกฤต จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ และการเมืองที่เปลี่ยนไป อีกทั้งเศรษฐกิจของประเทศมีปัญหา รัฐบาลขาดความเชื่อมั่นจากในและนอกประเทศ ส่วนวิกฤตทางการเมือง คือ ประเทศไทยไม่ใช่ประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยมีภารกิจอันเร่งด่วน คือ 1.เร่งให้เกิดการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อวางกรอบนโยบายในการทำงานเรื่องต่างๆ 2.การผลักดันและสร้างนโยบายของพรรคให้ตรงกับความต้องการของประชาชน ด้วยการระดมบุคลากรทั้งภายในพรรคและนอกพรรค มาร่วมทำนโยบายให้ตรงกับประชาชน แบ่งส่วนการทำงานแบบกระจายอำนาจและให้ความสำคัญกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมนำคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า มาสร้างมิติใหม่ทางการเมืองให้กับประชาชน 3.การนำคนรุ่นใหม่มาร่วมงาน และ 4.การยืนหยัดให้เป็นประชาธิปไตยแบบสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดใหม่ จะเริ่มมีการทำงานและพูดคุยภายในเดือนต.ค.นี้ รวมถึงผลักดันอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทย เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งการรับฟังเสียงของคนรุ่นใหม่ เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยคิดว่ามีประโยชน์ และจะนำมาเป็นนโยบาย จึงไม่มีความน่าเป็นห่วง โดยจะทำงานทั้งในและนอกสภาฯ รวมถึงทำงานหลายส่วนในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะร่วมพูดคุยกับฝ่ายรัฐบาลในการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการหรือไม่นั้น ส่วนตัวขอยืนยันว่าฝ่ายค้านจะไม่ขอร่วมในการพูดคุยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญกับรัฐบาล เหมือนกับเป็นการซื้อเวลาหนึ่งเดือน และรัฐบาลไม่แสดงความจริงใจในการที่จะขอแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ส่วนกรณีที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปฎิเสธการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามตัวแทนอิสระ เพื่อกลับไปทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทยนั้น นายประเสริฐ ระบุว่า นายชัชชาติ ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจนและต้องเคารพการตัดสินใจ รวมถึงกระแสข่าวคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์อดีตภริยา นายทักษิณ ชินวัตร จะเข้ามาบริหารพรรค ก็ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะคุณหญิงพจมาน เป็นผู้ใหญ่ที่พรรคให้ความเคารพนับถือ แต่ไม่เคยเข้ามายุ่งการบริหารภายในพรรค รวมถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรค ก็ยังเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งหลังจากนี้จะมีการวางกรอบการทำงานและพูดคุยกัน