(1 ตุลาคม 2563) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณี ส.ว.บางส่วนยืนยันไม่ขอรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงให้ทำประชามติก่อนตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. เป็นเพียงความเห็น ส่วนจะยกคำพิพากษาก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่าอำนาจรัฐธรรมนูญ เมื่อมาจากประชาชน ก็ต้องกลับไปถามประชาชน จะกลับมาใช้กับสถานการณ์ปัจจุบันได้หรือไม่ก็แล้วแต่ ส่วนตัวไม่ขอออกความเห็น
ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องไปคุยกันในกรรมาธิการ (กมธ.) ที่ตั้งไว้ รัฐบาลหรือตนไปออกความเห็นไม่ได้ ซึ่งร่างดังกล่าวเป็นร่างของพรรคร่วมรัฐบาลหนึ่งร่าง และฝ่ายค้านหนึ่งร่าง มีหลักการคล้ายคลึงกัน และร่างของฝ่ายค้านแก้ไขรายมาตรา อีก 4 ร่าง และร่างของโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์ อีกหนึ่งร่างซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวได้ยินว่าจะนำบทสรุปและข้อสังเกตของคณะกรรมการชุด นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณา ศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 โดยจะต้องใช้เวลา 30 วันนี้ ให้เป็นประโยชน์ ซึ่ง 30 วัน ไม่ใช่การถ่วงเวลา เพราะถึงจะรับหลักการวาระ 1 ในครั้งที่ผ่านมา ก็ยังเดินหน้าอะไรต่อไม่ได้ อย่างมากทำได้เพียงตั้งกมธ.มาพิจารณาวาระ 2 และ 3 และหลังจากนั้นยังต้องทิ้งระยะเวลาอีกกว่าเดือน เนื่องจากยังทำประชามติไม่ได้
"หากนับปฏิทินกว่าที่กฎหมายประชามติจะผ่านอาจจะช่วงปลาย้เดือน มี.ค. 2564 ซึ่งรัฐธรรมนูญหากทำแล้วเสร็จเดือน ธ.ค. ก็ต้องทิ้งเอาไว้จนกว่ากฎหมายประชามติจะเรียบร้อย แต่หากสภาไม่ปิดแล้วตั้งกมธ.นี่คือการถ่วงเวลา และเมื่อจะขอเปิดสมัยประชุมสภาวิสามัญทำได้โดยรัฐบาลขอเปิดหรือเข้าชื่อเพื่อขอเปิดประชุม" นายวิษณุ กล่าว
ทั้งนี้ การตั้งกมธ.หลังรับหลักกสารในวาระที่ 1 คนนอก คณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมไปถึงร่างของไอลอว์ ที่ไอลอว์เองไม่สามารถเข้าไปเป็นกมธ.ได้ แต่ทำได้เพียงเข้ามาชี้แจงเท่านั้น ไม่สามารถเป็นกมธ.ได้ ซึ่งกมธ.มีทั้งหมด 45 คน โดยมาจากทั้ง 2 สภา เพื่อตรวจแก้ร่างเปิดทางให้มี สสร. ซึ่งมีกติกาอย่างไรก็เดินไปตามนั้น
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลส่งซิกแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนมองว่าไม่เป็นการส่งซิกอะไรทั้งนั้น เพียงแต่มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง เป็นธรรมดาก่อนการประชุม ครม. โดยนายกรัฐมนตรีได้ปรารภว่าร่างของพรรคร่วมรัฐบาลมีรายชื่อสนับสนุนกว่า 200 รายชื่อ และเมื่อเสนอแล้ว ไม่สามารถกลับลำได้ ซึ่งทุกพรรคก็เห็นด้วย ส่วนจะทำความเข้าใจกับสมาชิกรัฐสภา ให้รอฟังผลการศึกษาว่าจะออกมาในทิศทางใด หากความเห็นไม่ตรงกันก็ต้องมาอธิบาย แต่ทั้งหมดจะต้องคุยในชั้น กมธ.ก่อน ไม่เช่นนั้นจะตั้งมาหาอะไร