ทรัมป์อาจพึ่งทหารถ้าเลือกตั้งไม่ราบรื่น

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กำลังสร้างความวิตกให้กระทรวงกลาโหมว่าเขาอาจใช้อำนาจในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดโดยคำแหน่ง สั่งให้ส่งทหารเข้าระงับเหตุการณ์ความไม่สงบในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน
จากการที่เขาปฏิเสธอีกครั้งที่จะถ่ายโอนอำนาจโดยสันติ ไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งก็ตามการที่ทรัมป์บอกว่า เขาไม่มั่นใจว่าการเลือกตั้งจะมีความซื่อสัตย์สุจริตและยืนยันในความปรารถนาเดิม ที่จะใช้กฎหมายปราบจลาจล (Insurrection Act)ที่ใช้มาตั้งแต่ปีค.ศ.1807 ซึ่งให้อำนาจประธานาธิบดีออกคำสั่งให้มีการใช้กำลังทหารเข้าไปควบคุมหรือปราบปรามการก่อความไม่สงบเรียบร้อย

ที่ผ่านมากฎหมายฉบับนี้ ถูกใช้น้อยมาก ครั้งสุดท้ายคือเมื่อปี ค.ศ.1992หลังเกิดจลาจลในนครลอส แองเจลิสเมื่อศาลตัดสินให้ตำรวจ ที่ทำร้ายร่างกายชายผิวสี"ร็อดนีย์คิง" พ้นผิด ทำให้ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุชต้องอนุมัติให้ส่งทหารเข้าไปช่วยควบคุมสถานการณ์ ตามคำร้องขอของผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียส่วนทรัมป์ คิดจะใช้กฎหมายฉบับนี้เมื่อเดือนมิถุนายน ช่วงการประท้วงกรณี"จอร์จ ฟลอยด์" ชายผิวสีที่เสียชีวิตจากการถูกตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดคอ
บรรดานายทหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมพากันยืนยันว่าพวกเขาจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้กองทัพเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งพลเอกมาร์คเอ.มิลลีย์ ประธานเสนาธิการทหารร่วม ระบุในคำตอบที่ส่งถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า เขามีความเชื่ออย่างยิ่งต่อหลักการของกองทัพในการไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและในกรณีที่มีข้อพิพาทเรื่องการเลือกตั้ง โดยทางกฎหมายแล้วเป็นหน้าที่ของศาลและสภาคองเกรสส์ ในการเข้ามาแก้ปัญหา ไม่ใช่กองทัพเขาไม่คาดหมายว่ากองทัพจะมีบทในการกระบวนการเหล่านี้