svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

บอร์ดอคส.ใช้คำสั่งระงับสัญญาถุงมือยางฉาวแทนยกเลิก

26 กันยายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

บอร์ด อคส. ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง หาทางออกสัญญาถุงมือยางฉาว ไฟเขียวให้ระงับการดำเนินการซื้อถุงมือยางมูลค่ากว่า 1.12 แสนล้านบาท พร้อมมอบอำนาจทางกฎหมายให้ ผอ. อคส. ดำเนินการดังกล่าวได้เต็มที่ เตรียมถกร่วมฝ่ายกฎหมายสัปดาห์หน้า พิจาณาหนังสือแจ้งระงับไปยังเอกชน 8 ราย

รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2563 เวลา 14.00 น. คณะกรรมการองค์การคลังสินค้า(บอร์ด อคส.)ที่มีนายสุชาติ เตชจักรเสมาประธานบอร์ด ได้ประชุมเพื่อพิจารณายกเลิกสัญญาจัดซื้อถุงมือยาง 8 สัญญา แบ่งเป็นอคส.ทำสัญญาซื้อจากบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ปริมาณ 500 ล้านกล่อง ราคากล่องละ230 บาท รวมมูลค่า 112,500 ล้านบาท และอีก 7 สัญญา อคส.ได้ทำกับผู้ซื้อ 7ราย เพื่อนำไปส่งออกต่อ และคส.ได้โอนเงินมัดจำค่าสินค้า 2,000ล้านบาท ไปให้การ์เดียนโกลฟส์แล้วโดยบอร์ดอคส.ได้พิจารณากันอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลานานกว่า 5ชั่วโมง และเสร็จสิ้นเวลากว่า 19.00 น.




นายสุชาติ กล่าวว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ระงับการดำเนินการทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายดังกล่าวที่ดำเนินการโดยพ.ต.อ.รุ่งโรจน์พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาราชการแทน ผู้อำนวยการ อคส.เพราะถือว่าเป็นการกระทำโดยพลการ และมอบหมายให้ผู้อำนวยการอคส.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับได้ทันที




ด้านนายเกรียงศักดิ์ประทีปวิศรุตผู้อำนวยการอคส.กล่าวว่า หลังจากบอร์ดมีมติให้ระงับการดำเนินการทั้งหมดแล้ว สัปดาห์หน้าตนจะประชุมวารเร่งด่วนร่วมกับฝ่ายกฎหมาย เพื่อพิจารณาส่งหนังสือชี้แจงไปยังเอกชนทั้ง 8 ราย อย่างไรก็ตาม ถือว่า สัญญากับอคส.ดำเนินการกับทั้ง 8 ราย ถือว่าเป็นโมฆะตั้งแต่แรก เพราะพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ไม่ดำเนินการตามระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐพ.ศ.2560เพราะไม่มีการเปิดประมูล เพื่อแข่งขันกันเสนอราคาขาย และซื้อจากอคส. โดยในส่วนของสัญญาที่ทำกับผู้ซื้อทั้ง 7 รายนั้น มี 5 ราย ที่อคส.ขายแบบขาดทุน เพราะมีการเสนอราคาซื้อจากอคส.เพียงกล่องละ 210-223 บาทเท่านั้น ขณะที่อคส.ซื้อจากโรงงานผลิตคือ การ์เดียนโกลฟส์ กล่องละ 225 บาท


บอร์ดอคส.ใช้คำสั่งระงับสัญญาถุงมือยางฉาวแทนยกเลิก

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด มีผู้ซื้อจากอคส. 2 รายใน 7 ราย ได้ยื่นหนังสือทวงถาม (โนติส) มายังอคส.แล้ว เพื่อทวงถุงมือยาง โดยอ้างว่า เพื่อจะเอาไปส่งให้ลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งเท่าที่ทราบเป็นการซื้อจากอคส.แล้วไปขายต่อให้กับยี่ปั๊ว ซาปั๊ว อีกหลายทอด






ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่าประเด็นที่บอร์ดพิจารณากันอย่างเคร่งเครียดคือ ถ้อยคำที่จะใช้เพื่อส่งหนังสือไปแจ้งเอกชนทั้ง 8 ราย เพราะจะมีผลผูกพันทางกฎหมายกับอคส. และผู้อำนวยการอคส. จึงยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะใช้คำใด ระหว่าง "ระงับสัญญา" ซึ่งจะมีผลเหมือนกับการยกเลิกสัญญา หรือ "ระงับการดำเนินการตามสัญญา" ซึ่งตัวสัญญาไม่ได้ยกเลิก แต่ให้ชะลอดำเนินการตามสัญญา เช่น การส่งมอบถุงมือยางให้อคส. เป็นต้น โดยนายสุชาติ ต้องการให้ใช้คำว่า "ระงับการดำเนินการตามสัญญา" เพราะเกรงจะถูกทั้ง 8 รายฟ้องร้องทำให้เสียหายได้ แต่บอร์ดส่วนใหญ่ รวมถึงนายเกรียงศักดิ์ ต้องการให้ "ระงับสัญญา" ไปเลย ไม่เช่นนั้น อาจเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้







สำหรับกรณีจัดซื้อถุงมือยาง 112,500 ล้านบาทนั้น อคส. ได้มีหนังสือร้องเรียนกรมสิบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อร้องเรียนและกล่าวหาพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ กับพวกว่าได้กระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ ในการใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต เพื่อให้ ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุดต่อไป พร้อมกับร้องเรียนสำนักงานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่ออายัดเงิน 2,000 ล้านบาท และติดตามการฟอกเงิน รวมถึงยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ





ส่วนบริษัทผู้ซื้อทั้ง 7 ราย ได้แก่1.บริษัท24คลีนเอเนอร์จี้ 2.บริษัท ไทยสไมล์เทรด3.บริษัท เคเค.ออยล์แอนด์แก๊ส4.บริษัท เดอะควีนเพาเวอร์ และ5.บริษัท เอเอเมทิสต์ ซึ่งในสัญญาไม่มีการระบุว่าหลักประกันของสัญญาซื้อขาย,ไม่มีกำหนดส่งสินค้าเป็นงวดที่แน่นอน,ไม่มีหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ชื้อและไม่มีการกำหนดการสิ้นสุดแห่งสัญญาส่วนอีก2บริษัทที่เสนอซื้อถุงมือยางจาก อคส. เป็นบริษัทต่างชาติ

logoline