การดีเบตระหว่างทรัมป์กับไบเดนจะเกิดขึ้น 3 ครั้ง ในวันที่ 29 กันยายน, 15 ตุลาคม, และ 22 ตุลาคม โดยในแต่ละครั้งจะมีรูปแบบการนำเสนอคล้ายกัน นั่นคือ ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง ตั้งแต่เวลา 3 ทุ่มถึง 4 ทุ่มครึ่งโดยไม่มีโฆษณาคั่น แต่ละคนจะมีเวลาตอบคำถามเดียวกัน 2 นาทีก่อนที่จะเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้ตอบโต้กัน ขณะเดียวกันดีเบตแต่ละครั้งจะแตกต่างกันไปทั้งในแง่ของสถานที่จัดงาน, ประเด็นการตั้งคำถาม, ไปจนถึงตัวพิธีกร
สำหรับดีเบตครั้งแรกจะจัดขึ้นที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐ "แบตเทิลกราวด์" ที่พรรครีพับลิกันและเดโมแครตสู้กันสูสีที่สุด โดยมีคริส วอลเลซ นักข่าวที่ได้รับการยอมรับว่า "เป็นกลางที่สุด" จากช่องฟ็อกซ์นิวส์ "ช่องโปรด" ของทรัมป์รับหน้าที่พิธีกร
ส่วนประเด็นร้อนที่อาจทำให้เวทีดีเบตแรก "ลุกเป็นไฟ" มีอยู่ 6 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ ผลงานที่ผ่านมาของผู้ท้าชิงทั้งสองคน, ศาลสูง, โควิด-19, การประท้วงเรื่องสีผิวและความรุนแรงในเมือง, ความชอบธรรมของการเลือกตั้ง, และเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การดีเบตกลับถูกตั้งคำถามตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มว่า ทำไมเรื่องสำคัญไม่แพ้กันอย่าง "ไฟป่า" และ "ภาวะโลกร้อน" จึงไม่ถูกหยิบยกขึ้นมา ทั้งที่หลายรัฐทางฝั่งตะวันตกของประเทศ เพิ่งเผชิญกับไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐ
หากย้อนกลับไปดูการดีเบตระหว่างทรัมป์กับฮิลลารี คลินตันเมื่อ 4 ปีก่อนจะเห็นได้ชัดว่า ทรัมป์มีความ "เจนเวที" ตามสไตล์คนที่คลุกคลีในวงการบันเทิงมานาน ในทางกลับกัน ผู้สนับสนุนของไบเดนกำลังหวาดวิตกอย่างหนักว่า เวทีดีเบตอาจเป็น "จุดอ่อน" ที่สุดของเขาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเลือกตั้ง เนื่องจากก่อนหน้านี้ไบเดน "เอาตัวแทบไม่รอด" ในการดีเบตภายในพรรคเดโมแครต ดังนั้นในการดีเบตคราวนี้ กองเชียร์ไบเดนจึงหวังแค่ให้เขา "รอดตาย" จากเงื้อมมือของทรัมป์ไปให้ได้
ทรัมป์มักเรียกไบเดนด้วยฉายา "สโลว์โจ" หรือ "โจผู้เชื่องช้า" พร้อมจุดประเด็นคำถามว่า ด้วยอายุย่าง 78 ปี ไบเดนจะ "หลงๆ ลืมๆ" หรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากไบเดนทำผลงานดีกว่าที่คาด ทรัมป์ก็เตรียม "หาเหตุ" มาแล้วเช่นกัน โดยในรอบเดือนที่ผ่านมา ทรัมป์พยายามเรียกร้องให้มีการ "ตรวจสารกระตุ้น" ก่อนขึ้นเวที ด้วยเหตุนี้เราจึงคาดหวังได้เลยว่า ทรัมป์ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อ "ก่อกวน" สมาธิไบเดนให้ "สติหลุด" ให้ได้ ขณะที่ "ท่าไม้ตาย" ของไบเดนคงหนีไม่พ้นการโจมตีทรัมป์เรื่องโควิด-19 ที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสมในสหรัฐฯ เพิ่งทะลุ 2 แสนรายไปหมาดๆ
นอกจากผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ผู้สมัครรองประธานาธิบดีอย่างไมค์ เพนซ์ และกมลา แฮร์ริสก็มีเวทีดีเบตเช่นกัน โดยจะจัดขึ้นครั้งเดียวในวันที่ 7 ตุลาคมนี้
ในอดีตการดีเบตถูกมองเป็น "อีเวนต์ใหญ่" ที่สามารถเปลี่ยนใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ แต่ในยุคที่คนอเมริกัน "เลือกเสพสื่อ" เฉพาะที่ตรงกับมุมมองทางการเมืองของตัวเอง การประชันวิสัยทัศน์ที่แม้จะยัง "จำเป็น" ก็อาจถูกลดทอนความสำคัญลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้