(25 ก.ย. 2563 ) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่ ต.แหลมสอม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง หลังได้การร้องเรียนจากนางวรรดี ณ พัทลุง อายุ 39 ปี ผู้เป็นแม่ของเด็กชาย อายุเพียง 8 ปี นร.ชั้นป.2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในต.ย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว หลังถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า ศีรษะ มือ แผ่นหลัง จากรุ่นพี่ม.3 โรงเรียนเดียวกัน เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา จนต้องรีบหามส่งโรงพยาบาลเพื่อสแกนสมอง ล่าสุดด้านโรงเรียนและผู้ปกครองรุ่นพี่ม.3 เงียบไร้วี่แววการเยียวยาและแสดงความรับผิดชอบแก่น้องป.2 เข้าร้องสื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ครอบครัว และได้พาลูกย้ายโรงเรียนแล้ว
นางวรรดี ณ พัทลุง ผู้เป็นแม่ บอกว่าในวันเกิดเหตุวันที่ 2 กันยายนได้มีครูประจำชั้นของน้องกฤตได้โทรแจ้งมายังตนเองว่าน้องกฤตไม่รู้ไปทำอะไรพี่ม.3 และถูกรุ่นพี่ ม.3 ผลักน้องธนกฤตพลัดตกลงบนทางเท้า และในขณะนี้ทางครูและเจ้าหน้าที่ห้องพยาบาลได้พาน้องส่งไปที่โรงพยาบาลย่านตาขาว ตนเองก็ได้สอบถามไปว่าน้องเป็นอะไรเยอะไหม ซึ่งในขณะนั้นเขาก็ได้ตอบมาว่าไม่ทราบเหมือนกันแต่ให้ตนเองรีบไปที่โรงพยาบาล แล้วตนเองก็ได้รีบไปโรงพยาบาลก็ไปเจอสภาพลูกตามที่ได้ถ่ายภาพไว้ ตนเองจึงรีบเข้าไปสอบถามลูกว่าเจ็บไหมแม่มาแล้ว สภาพที่เห็นมีบาดแผลเต็มใบหน้า มีเลือดไหลซิบๆ ศีรษะด้านหลังบวมปูด บาดแผลบริเวณด้านหลัง บริเวณหลังมือก็มีบาดแผล ลูกอยู่ในอาการมึนงง และตกใจ
และในวันที่ไกล่เกลี่ยกับตนเองได้ถามผู้อำนวยการโรงเรียนว่าผอ.มีคำตอบอะไรให้แก่ตนเองบ้าง ทางผอ. ก็บอกให้ไปแจ้งความแต่ห้ามแจ้งสื่อ ห้ามแจ้งเขตการศึกษา ตนเองจึงตอบกลับไปว่าแล้วจะแจ้งความเพื่ออะไรแล้วมีอะไรบ้างที่ทางโรงเรียนจะชดใช้ให้แก่ตนเองและครอบครัว ทุกคนก็เงียบ
นางวรรดี ณ พัทลุง แม่ของเด็กชาย ยังบอกอีกว่า หลังแจ้งความที่ สภ.ย่านตาขาว ทางตำรวจก็มีการเรียกไปเจรจาไกล่เกลี่ย ทั้งตัวแทนพี่ ม.3 ตนเอง น้องสาว และทางโรงเรียน ตนเองก็บอกข้อเสนอไปให้ทางโรงเรียนและคู่กรณีรับผิดชอบ โดยทางตำรวจก็ได้ถามว่าราคาหรือค่าเสียหายสามารถลดหย่อนได้แค่ไหน ตนเองก็บอกไปว่าให้โรงเรียนและคู่กรณีบอกมาว่าจะรับได้แค่ไหน ก็บอกมา แต่ทางโรงเรียนและคู่กรณีก็บอกว่า เขารับไม่ได้ เขาไม่มีค่าใดๆทั้งสิ้น ผู้ปกครองของเด็ก ม.3 บอกว่าจะจ่ายได้เฉพาะค่าปรับเท่านั้น แต่ในส่วนของทางโรงเรียนจะจ่ายเป็นค่าทำขวัญหรือยังไงก็แล้วแต่โรงเรียน แต่ถ้าให้ผู้ปกครองเป็นผู้รับผิดชอบจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นที่ และทางโรงเรียนก็บอกว่า ไม่มีเช่นกัน ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุลูกชายตนถามแม่ในตอนเช้าทุกวันว่า จะต้องไปโรงเรียนไหม ไม่ขอไปโรงเรียน ตนเองสงสารลูก และรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น
ด้านน้องกฤต ซึ่งยังไร้เดียงสา เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น บอกเพียงว่า ถูกพี่ตบ เตะ ตนเองเจ็บหัว เจ็บปาก และเจ็บมือ พี่ก็ตบเพื่อนด้วย แต่เพื่อนไม่เจ็บมาก ตนเองเจ็บมาก ครูก็เข้ามาช่วย พาไปโรงพยาบาล แล้วแม่ก็มาหาที่โรงพยาบาล มาถึงตอนนี้ตนเองไม่โกรธพี่แล้ว
อย่างไรก็ตาม จากการที่แม่ได้สอบถามจากเพื่อนๆของน้องกฤตและเด็กที่เห็นการณ์ ได้รับคำตอบว่า ในวันดังกล่าว น้องกฤตกับเพื่อนกำลังเดินไปจะไปกินข้าว พบเจอรุ่นพี่ ม.3 คนดังกล่าวเดินผ่านมา แล้วเพื่อนน้องกฤต บอกให้น้องกฤตเรียกพี่คนดังกล่าวว่า "กะเทย" น้องกฤต ก็ส่งเสียงไปว่า "กะเทย" ซึ่งคงเป็นเพราะความไร้เดียงสา และไม่เข้าใจความหมาย แต่ทำให้รุ่นพี่ม.3 คนดังกล่าวไม่พอใจอย่างมาก จึงเข้ามาทำร้ายตบตีน้องกฤตอย่างรุนแรง จนน้องล้มลงกับพื้น และถูก เตะ จนบาดเจ็บตามบริเวณใบหน้า ศีรษะ ด้านหลัง และมือดังกล่าว