ในเพจ มนุษย์กรุงเทพฯ ได้เล่าเรื่องราวที่กลายเป็นเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คน ที่กำลังท้อแท้เรื่องงาน กำลังหางาน หรืออาจจะกำลังตกงานอยู่ เมื่อมีหนุ่มรายหนึ่ง บอกเล่าเรื่องราวของตนเอง ที่ต้องตกงาน ก่อนจะมุ่งมั่นหาเงินใหม่ จนมีรายได้วันละหลายบาทเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องราวระบุว่า ผมเพิ่งตกงานได้ไม่นาน ระหว่างที่ยังไม่มีที่ไป เลยมาลองขายของ ตอนแรกไม่มั่นใจในหน้าตาของตัวเอง ถ้าขายของแล้วจะมีใครซื้อไหม แต่คนไม่มีจะกิน อะไรทำได้ก็ต้องทำ ผมเคยทำงานในร้านอาหารและในโรงแรม อาชีพค้าขายคืออาชีพบริการ ผมเชียร์สินค้าได้ มีเซอร์วิสมายด์ และมองโลกในแง่บวก ใครหน้าตึงดึงหน้าใส่ ผมทำเฉยๆ สิ่งสำคัญคือต้องแฟร์กับลูกค้า ข้อดีของขนมที่ผมรับมาขาย คือไม่ใส่วัตถุกันเสีย ใช้แต่ไข่แดง ราคาก็ไม่แพงเหมือนร้านตามห้าง ส่วนข้อเสียคือ เด็กที่ชอบกินขนมหวานๆ อาจไม่ชอบใจ เพราะรสชาติไม่หวานมาก ขนมทำมาสำหรับพนักงานออฟฟิศที่ไม่ต้องการแคลอรี่สูง
ทั้งนี้เล่าว่า ผมรับขนมมาตั้งแต่ตีสี่ ตีห้าไปยืนขายแถวบีทีเอสอารีย์ (ฝั่งกรมสรรพากร) จนถึงสามโมงเช้า แล้วตอนเย็นก็ตระเวนไปขายตามตลาดนัดที่คนเยอะๆ เพิ่งเริ่มขายเมื่อวันพฤหัสที่แล้ว มาขายที่นี่ (หน้ารัฐสภา) เผื่อว่าคนเยอะแล้วขายดี ผมได้กลับบ้านไวหน่อย พอขายได้อยู่นะครับ ผมขายให้คุณตำรวจ ขายให้แม่ค้า ขายให้ประชาชน ผมเคยทำงาน รปภ. ทำงานโรงงาน และทำงานเดินสายเคเบิล แต่คงไม่กลับไปทำงาน รปภ. แล้วล่ะ เอาความจริงเลย คนในสังคมที่ยอมรับและให้เกียรติอาชีพ รปภ. มีน้อยครับ ส่วนใหญ่แค่พูดให้ดูดีตามสื่อ เราทำดีแค่ไหนก็หมดกำลังใจ
เรื่องที่สำคัญมากคือ อาชีพค้าขายทำดีแล้วได้ผลดีกับตัวเอง ถ้าผมขายของแล้วปากหวาน คุณลูกค้าครับ คุณท่านครับ พ่อจ๋าแม่จ๋า คนได้ยินแล้วถูกใจก็ซื้อ ถ้าทำงานในองค์กร ทำดีแล้วชื่อเสียงไปอยู่ในองค์กร ตัวเราไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้าเราพลาดทำอะไรเสียหาย องค์กรจะเพ่งเล็งทันที หลังจากนี้ ผมว่าจะลองขายไปเรื่อยๆ ถ้าในอนาคตเก็บเงินได้มากพอ ผมก็อยากหาอะไรทำเป็นของตัวเอง
ขณะเดียวกันหลังจากเรื่องราวได้แพร่ออกไป ก็มีการเข้ามาแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจจำนวนมาก