นอกจากนี้ทางคณะกรรมาธิการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงเตรียมเข้าตรวจสอบ เนื่องจากมีประชาชนให้ความสนใจค่อนข้างมาก
ล่าสุดนางสาวขวัญใจ คุ้มบ้าน อายุ 46 ปี บุตรสาวของ นายเสน คุ้มบ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ครอบครองที่ดินส่วนหนึ่งก่อนที่จะมีการซื้อขายและเปลี่ยนมือมาเป็นของ "ตระกูลอิสระ" และเป็นที่ตั้งของโรงแรมศรีพันวา เปิดเผยว่า จากการติดตามข่าวของโรงแรมศรีพันวา ซึ่งถูกโจมตีและวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะประเด็นเรื่องที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งโรงแรมดังกล่าว โดยมีข้อสงสัยว่า มีเอกสารสิทธิถูกต้องหรือไม่ และเป็นการบุกรุกที่อุทยานฯ จึงเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ในฐานะที่บิดาและญาติๆ เคยครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวมาก่อนที่จะมีการซื้อขายและเปลี่ยนมือมาเป็นของตระกูลอิสระ และต้องการปกป้องชื่อเสียงของบรรพบุรุษด้วย เพราะเราครอบครองที่ดินมาอย่างถูกต้อง ก่อนที่จะมีการซื้อขายและกลายเป็นที่ตั้งของโรงแรมดังกล่าว เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง และยินดีให้ข้อมูลกับทุกหน่วยงานที่ต้องการ
นางสาวขวัญใจกล่าวด้วยว่าตนจำที่ดินแปลงนี้ได้ดีเพราะก่อนที่จะมีการขายไปนั้นตนเคยไปปลูกข้าวโพดตะไคร้และผักสวนครัวอื่นๆกับแม่โดยจุดดังกล่าวจะมีทางเข้า2ด้านคือทางขึ้นโรงแรมเคปพันวาซึ่งเป็นเส้นทางเก่าและอีกเส้นทางหน้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซึ่งทางศรีพันวาได้ซื้อเพิ่มจากอดีตผู้ใหญ่บ้าน(ปัจจุบันเป็นกำนัน)ซึ่งเป็นเครือญาติของตนเช่นกัน
นางสาวสมใจยืนยันด้วยว่าในอดีตพื้นที่บริเวณแหลมพันวามีการสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยและมีการปลูกพืชผลอาสินเช่นข้าวโพดตะไคร้สะตอเป็นต้นและบริเวณส่วนปลายแหลมที่เป็นจุดที่มีวิวสวยที่สุดมีบ้านเรือนของโต๊ะอูเส็นกับโต๊ะอูหมาดตั้งอยู่ปัจจุบันมีลูกหลานของทั้งสองคนอาศัยอยู่ใกล้ๆกับโรงแรมซึ่งสามารถสอบถามความจริงได้ทั้งหมดและอยากตั้งคำถามกลับไปถึงคนที่วิพากษ์วิจารณ์หรือโจมตีอยู่ในโซเซียลให้คิดถึงหลักความเป็นจริงว่าถ้าเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าหรือพื้นที่ของรัฐหน่วยงานราชการที่ตั้งบริเวณดังกล่าวคงมีการฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้วยืนยันว่ามีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องมาตั้งแต่ช่วงที่ครอบครัวของตนครอบครองและอยากชี้แจงเพิ่มเติมด้วยว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับศรีพันวาเพราะที่ดินเราได้ขายไปแล้วอีกอย่างตนก็ไม่ได้รู้จักกับคุณปลาวาฬเป็นการส่วนตัวทราบเพียงแต่ว่าที่ผ่านมาทางโรงแรมได้มีการช่วยเหลือกิจกรรมของชุมชนมาโดยตลอดแต่เหตุที่ต้องมาพูดเพราะรับไม่ได้ที่มีการพูดถึงที่ดินแปลงดังกล่าวไปในทางเสียหาย
เนื่องจากเป็นที่ดินของบรรพบุรุษซึ่งที่ผ่านมาได้มีการยกที่ดินบางส่วนให้กับหน่วยงานของรัฐเพื่อใช้ประโยชน์ด้วย