(24 กันยายน 2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ได้มีคำพิพากษาจำคุก นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยุครัฐบาลทักษิณ 2 และสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นเวลา 99 ปี แต่ให้คงจำคุกสูงสุด50ปี สั่งริบทรัพย์สินกว่า 1323ล้านบาท ตามความผิด ม.148 เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์ตามป.อาญาม.148โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายวัฒนาให้ความสนใจในการติดตามกำกับดูแลโครงการ ดังนั้นน่าจะรับรู้ รู้เห็นเป็นใจในการเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการ และการที่นายวัฒนาปล่อยให้จำเลยที่ 4 คือ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่ แสดงตนเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี พฤติการณ์ดังกล่าวมีเจตนาเป็นการเอื้ออำนวยให้ เสี่ยเปี๋ยง กับพวก แสวงหาผลประโยชน์โดยอ้างชื่อของนายวัฒนา ถือเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และพฤติการณ์ของนายวัฒนา เป็นการเร่งรัดให้ผู้ประกอบการการนำเงินมาให้ล่วงหน้า ซึ่งถือเป็นการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกรับเงินและเพิ่มจำนวนเงินเพื่อให้ได้รับการอนุมัติหน่วยก่อสร้างด้วย แม้ทางการเงินจะไม่มีความเชื่อมโยงหรือจะได้รับเงินหรือไม่ก็ตาม ไม่ใช่สาระสำคัญ
ในส่วนของจำเลยที่ 10 คือ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หรือกี้ร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย, เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดเช่นกัน ลงโทษจำคุก 4ปี ริบทรัพย์ 40ล้านบาท ซึ่งองค์คณะเสียงข้างมากเห็นว่า แม้จะไม่ปรากฏว่าผู้หญิงที่รับเงิน 40 ล้านบาท เป็นใครและมีความสัมพันธ์กับจำเลยที่ 10 อย่างไร แต่คำเบิกความของพยานเป็นการซักถามถึงการจ่ายเงินด้วยความระมัดระวัง พฤติการณ์ของจำเลยที่ 10 เป็ยการยุยงส่งเสริมให้พยานตัดสินใจจ่ายเงิน 40 ล้านบาท เพื่อให้โครงการได้รับอนุมัติ ประกอบกับเช็กที่จ่ายไปถึงจำเลยที่ 7-8 ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับขบวนการในคดีนี้ แม้ผู้กระทำผิดจะรู้ถึงความช่วยเหลือของจำเลยที่ 10 หรือไม่ก็ตาม พฤติการณ์ของจำเลยที่ 10 ก็ถือเป็นการสนับสนุนส่วนจำเลยที่ 4 คือ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่ ศาลพิพากษาจำคุก66ปี คงจำคุกสูงสุด50ปี ริบทรัพย์รวมจำนวนเดียวกับนายวัฒนา 1323ล้านบาท โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เสี่ยเปี๋ยง เป็นตัวกลางในการรีดเงินจากผู้ประกอบการรายใหญ่ และการกระทำความผิดมีลักษณะเป็นกระบวนการ
ส่วนจำเลยที่ 5 คือ น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง ลูกน้องคนสนิทเสี่ยเปี๋ยง มีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดกับเสี่ยงเปี๋ยง เพื่อเรียกรับเงิน ลงโทษจำคุก 20ปี ริบทรัพย์ 763ล้านบาท
รวมถึงจำเลยที่ 6 คือ น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด มีส่วนสำคัญในการทำให้การเรียกรับเงินสำเร็จลุล่วงโดยอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลักดันโครงการ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นรวมถึงการติดตามทวงถามรับเช็คเช่นเดียวกับจำเลยที่ 5 ลงโทษจำคุก44ปี ริบทรัพย์รวมจำนวนเดียวกับนายวัฒนาคือ 1323ล้านบาท
ส่วนจำเลยที่ 7 คือ น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์ฯ มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการรับเงินจากผู้ประกอบการ ร่วมกระทำความผิดกับเสี่ยเปี๋ยง ลงโทษจำคุก 32ปี ริบทรัพย์ 1056ล้านบาท
ขณะที่จำเลยที่ 8 คือ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดยนายปกรณ์ อัศวีนารักษ์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน ถือเป็นนิติบุคคล เมื่อเสี่ยงเปี๋ยง เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการและเมื่อได้เงินมานำไปให้กับนางสาวกริงทอ และนางสาวรุ่งเรือง และนำเงินไปเข้าบริษัท จึงเป็นการร่วมกันกระทำความผิด ลงโทษปรับ 275,000บาทโดยทั้งหมดจะต้องชำระทรัพย์สินคืนภายใน30วัน หากเกินกว่ากำหนดจะต้องชำระดอกเบี้ย7.5%ต่อปีจนกว่าจะจชำระหมดนอกจากนี้ศาลยังสั่งให้ออกหมายจับ นางสาวกรองทอง จำเลยที่6 /นางสาวรุ่งเรืองจำเลยที่ 7 และนายอริสมันต์ จำเลยที่ 10 เนื่องจากไม่มาฟังคำพิพากษาและไม่มีทนายมาเป็นตัวแทน
ทั้งนี้นายวัฒนา และพวก อยู่ระหว่างการยื่นประกันตัว เพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์