svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เสรี"ยันส.ว.อยู่บนพื้นฐานรักษาประโยชน์ชาติ

23 กันยายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เสรี สุวรรณภานนท์" ตัดพ้อส.ว.ถูกกล่าวหาไม่ยึดโยงประชาชน ชี้คนส่วนใหญ่เห็นด้วยจากการทำประชามติ ให้เข้ามาแก้วิกฤต แนะแก้รัฐธรรมนูญต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน หวั่นมีสสร.เลือกตั้งทั้งหมด อาจซ้ำรอยอดีต

(23 กันยายน 2563) นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อภิปรายว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน ซึ่งการกล่าวหา ส.ว. แต่งตั้งจากเผด็จการ ไม่เชื่อมโยงประชาชน วุฒิสภาถูกพูดถึงในทางเสียหาย แต่ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันว่าที่เข้ามาทำหน้าที่ ไม่ได้มาจากอำนาจเผด็จการ แต่เข้ามาโดยรัฐธรรมนูญที่ผ่านการประชามติ พร้อมระบุถึงการเข้ามาสู่อำนาจของ คสช. ว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วยให้เข้ามาแก้ไขปัญหา เพราะบ้านเมืองวิกฤต การกล่าวหาเป็นการเมืองเก่า ไม่ได้ทำให้เจริญก้าวหน้า

ทั้งนี้ ในฐานะที่เคยเป็นสภาร่างร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. เมื่อปี 2540 ซึ่งขณะนั้นประชาชนเห็นพ้องต้องกัน ว่าควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้น แต่ขณะนั้นนักการเมืองส่วนใหญ่เอง ก็ไม่ชอบรัฐธรรมนูญปี 2540 เช่นกัน และการให้ สสร.มาจากประชาชน พูดแล้วสวยหรู แต่ต้องคิดถึงกระบวนการ ต้องตัดสินใจด้วยเหตุผลและข้อมูล บนพื้นฐานประโยชน์คนทั้งประเทศ ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 2540 เอง เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่กำหนดให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้ห้ามให้ สสร. เป็น ส.ว.

"ผมเองก็สมัครเป็น ส.ว. และได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งประธานรัฐสภาเองก็ทราบปัญหา ส.ว. หากมาจากการเลือกตั้ง ก็มีฐานที่มาจาก ส.ส. ถูกเรียกว่าสภาผัวเมีย สภาหมอนข้าง สุดท้ายยึดโยงพรรคการเมือง แยกจากกันกับ ส.ส. ไม่ออก สุดท้าย ส.ว.ก็ถูกแทรกแซง รับเงินจาก ส.ส. จนขาดความอิสระ เวลาเลือกองค์กรอิสระก็ถูกแทรกแซง จนสุดท้ายเป็นวิกฤตประเทศ"นายเสรี กล่าว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดีที่สุด ที่คิดว่ามาจากประชาชน บางครั้งมีข้อจำกัด ต้องแก้ปัญหา จนมารัฐธรรมนูญปี 2550 ให้มี ส.ว.ให้มาจากการเลือกตั้งครึ่งหนึ่ง และจากการสรรหาครึ่งหนึ่ง แต่ก็มีปัญหาปลา 2 น้ำขึ้นมาอีก มีการเขียนคุณสมบัติไม่ให้เป็นเครือญาติกันกับ ส.ส. เพราะฉะนั้นรูปแบบ ส.ว.ก็ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาแต่ละช่วงเวลา โดยรัฐธรรมนูญปี 2560 จึงให้ ส.ว.มาจากการเลือกโดย คสช. ซึ่งการทำหน้าที่ของ ส.ว. ก็อยู่บนพื้นฐานรักษาประโยชน์ประชาชนทั่วประเทศ ยอมรับว่าเป็นพวกเดียวกันแต่งตั้งมา เพราะเป็นคนที่ คสช. ไว้ใจ เป็นเรื่องปกติ

นายเสรี กล่าวด้วยว่า การเสนอให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนจริงหรือไม่ ต้องพิจารณาอย่างสมเหตุสมผล ไม่อยากชี้นำว่าจะสรุปอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม การเสนอให้มี สสร. และบรรยากาศปัจจุบัน ที่มีการเรียกร้องทางการเมืองสูง ให้ สสร. มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ถ้านึกภาพแล้วจะเกิดอะไรขึ้น มีแนวโน้มว่าจะมาจากพรรคการเมือง เพราะมีฐานเสียง มีหัวคะแนน มีวิธีการเลือกตั้งชนะ และอาจเห็นการเลือกตั้ง สสร. ที่ซื้อเสียงมากที่สุด แต่ก็ไม่ค่อยกังวลใจ เพราะสุดท้ายคือการอ้างอิงประชาชน แต่ที่น่ากังวลสุด คือ ความแตกแยก การดูหมิ่นใส่ร้ายสถาบันฯ มีข้อเสนอที่คิดไปไกล พูดกันไกลมา ก้าวไกลจริงๆ

ทำให้นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงว่าเป็นการอภิปรายพาดพิงมาถึงพรรค ดูหมิ่นสถาบันฯ จึงขอให้ถอนคำพูดดังกล่าว

ขณะที่ นายเสรี ยืนยันว่าไม่ได้พูดว่าพรรคก้าวไกลซื้อเสียง ดูหมิ่นสถาบัน เพียงแต่ใช้ภาษาไทยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันก้าวไกล ไม่ได้เอ่ยชื่อพรรค

ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล บอกว่า ถ้าไม่ถอน จะถอนหงอก ถ้าไม่พูดภาษาไทย ก็ขอให้พูดภาษาคน แต่นายเสรียังยืนยันไม่ถอนคำพูด เพราะเป็นภาษาไทย ไม่ได้เอ่ยชื่อพรรค หากพูดว่าภูมิใจความเป็นไทย ก็จะไปเป็นชื่อพรรคภูมิใจไทยอีก และมองว่าพรรคก้าวไกลร้อนตัว ถ้าไม่ได้ทำก็คงไม่รู้สึกอยู่แล้วทำประธานรัฐสภาสั่งถอนคำพูด จนสุดท้ายนายเสรีจึงยอมถอน

จากนั้นนายเสรี อภิปรายต่อว่า การจะมี สสร. มาจากการเลือกตั้ง มีผลกระทบกับหลายส่วน กังวลใจเมื่อการเลือกตั้งของ สสร. เกิดขึ้น ก็จะมาจากฐานเสียง ส.ส. อยู่ดี รัฐธรรมนูญจึงเขียนให้ ส.ส.มีสิทธิ์ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญได้อย่างดี ซึ่ง ส.ว.จะเห็นด้วยเพราะมีเหตุผล เช่นการแก้ไขเรื่องบัตรเลือกตั้ง การแก้ไขเรื่องที่ไม่สามารถใช้ได้จริง แต่ตอนนี้ ส.ส.ลืมว่าตัวเองมาจากประชาชนหรือไม่ จึงเสนอให้ สสร. มาจากการเลือกตั้งซ้ำ

ทำให้ นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ประท้วงกรณีที่นายเสรีพาดพิงว่า ส.ว.ในอดีตไม่เป็นอิสระ รับเงินจาก ส.ส. โดยขอให้เอ่ยชื่อ ส.ว.ในอดีตที่ถูกครอบงำ

นายเสรี อภิปรายว่า กระบวนการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ถูกมองว่าทำให้รัฐธรรมนูญแก้ไขยาก แต่เข้าใจคนร่างรัฐธรรมนูญมีเจตนาดี หากต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องใด สามารถทำได้ แต่มีเงื่อนไขหลายฝ่ายต้องเห็นพ้องต้องกัน สมัครสมานสามัคคีกันจึงจะแก้ไข หากใส่ร้ายเสียดสี ไม่เกิดความสามัคคี ก็แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้

ขณะที่นายขจิตร ประท้วงประเด็นที่กล่าวหา ส.ส.ใช้เทคนิคประท้วง เบรคการอภิปราย และกรณีกล่าวหา ส.ส.ในอดีต จ่ายเงินให้ ส.ว.โดยประธานรัฐสภาชี้แจงว่า การพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตเป็นสิทธิ์ของสมาชิก และการประท้วงก็เป็นสิทธิ์เช่นกัน จะมองว่าเป็นวิธีการขัดขวางการอภิปรายไม่ได้

นายเสรี อภิปรายสรุปว่า การพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ควรพิจารณาให้สมประโยชน์ประชาชนทั้งประเทศ แต่ทั้ง 6 ญัตติ ทำให้เกิดคำถามเยอะ และส.ว.ก็ไม่ได้รับการปรึกษา หรือให้การพิจารณาก่อน จึงมีคำถามเยอะ หากมีโอกาสดูรายละเอียดมากกว่านี้ ก็จะเป็นประโยชน์การพิจารณา แต่หากพูดเสียดสีกัน กล่าวหา ส.ว.ในทางเสียหาย การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่มีทางสำเร็จ


logoline