อุทธรณ์ยกฟ้อง "อดีตพระพรหมดิลก" ฟอกเงินสำนักพุทธฯ

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดอ่านอุทธรณ์ คดีฟอกเงินจากการทุจริตงบประมาณ สำนักพระพุทธศาสนา ที่อัยการยื่นฟ้อง "นายเอื้อน กลิ่นสาลี" หรือ อดีตพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และ "นายสมทรง อรรถกฤษณ์" อดีตพระอรรถกิจโสภณ และ เลขาเจ้าคณะกรุงเทพ เป็นจำเลยที่ 1-2 ซึ่งในคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 3-6 ปี ไม่รอลงอาญา ซึ่งจำเลยได้ประกันตัวระหว่างรออุทธรณ์

โดยศาลพิจารณาเห็นว่างบประมาณที่สำนักงานพระพุทธจัดสรรมาเป็นงบพระปริยัติธรรม 9 วัด จำนวน 72 ล้านบาท เพื่อเป็นการสนับสนุนในสถาบันการศึกษาของวัดที่มีความพร้อม แม้ว่าวัดสามพระยา จะไม่มีโรงเรียนสอนปริยัติธรรม แต่มีการเรียนการสอนในระดับชั้นอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน อีกทั้งจำเลยทั้ง 3 เป็นบุคคลภายนอกของสำนักงานพระพุทธศาสนาทำให้ไม่ทราบความเป็นมา จุดประสงค์ของเงินจำนวนนี้


เมื่อได้รับเงินมานำใช้บูรณะปฏิสังขรณ์วัด และมีพยานหลักฐานว่านำไปสร้างอาคาร ร่มธรรมจริง โดยจำเลยทั้ง 2 เป็นผู้ดูแลวัดจึงมีสิทธินำเงินไปทะนุบำรุงวัดและไม่ได้ถอน รับ โอน หรือ อำพรางแหล่งที่มาของทรัพย์สิน มีเอกสารในการก่อสร้าง จึงไม่ผิดตามฟ้องคำอุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นศาลจึงพิพากษาแก้
ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุก 3-6 ปีไม่รอลงอาญา ทั้ง2จึงไม่มีความผิดในคดีนี้

หลังเสร็จสิ้นการพิพากษา นายสมทรง อรรถกฤษณ์ ร่ำไห้ ปล่อยโฮสะอื้นออกมาต่อหน้าศาล ท่ามกลางความดีใจของบรรดาศิษย์ พระลูกวัด และคนสนิท ที่ต่างร่ำไห้ออกมา เนื่องจากทั้ง2 ต้องถูกจำคุก 1ปี 3 เดือน 2 วัน และได้รับการประกันตัวในระหว่างรอการอุทธรณ์ ทั้ง 2 เดินทางกลับวัดโดยมิได้ให้สัมภาษณ์
นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความ เปิดเผยว่าหลังจากนี้จะถึงศาลชั้นฎีกาหรือไม่ ต้องรอดูพนักงานอัยการ ฝ่ายโจทก์ว่ายื่นขออนุญาตฎีกาภายใน 30 วัน หากมิฉะนั้นคำพิพากษาก็ถือเป็นที่สิ้นสุด พร้อมขอความเป็นธรรมให้กับอดีตพระทั้ง 2 ท่าน เพราะก่อนหน้านี้เป็นข่าวใหญ่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและถูกถอดสมณศักดิ์ โดยศาลยกฟ้องแบบปราศจากข้อสงสัย จึงขอความเป็นธรรมให้กับทั้ง 2 ด้วย
หลังจากนี้ อดีตพระพรหมดิลกจะกลับมาสวมใส่ จีวรพระสงฆ์หรือไม่นั้น นายอรรณพ บุญสว่าง บอกว่า จากการสอบถามอดีตพระพรหมดิลกตั้งใจว่าหลังจากนี้จะกลับมาสวมใส่จีวร พร้อมตั้งคำถามฝากไปถึงผู้เกี่ยวข้องว่า จะมีขั้นตอนอย่างไรโดยที่ผ่านมา อดีตพระพรหมดิลก ยังไม่เคยเปล่งวาจา ลาสิกขา ซึ่งตามพระธรรมวินัยยังถือว่าเป็นพระสงฆ์และยังคงรักษาศีล มาอย่างต่อเนื่อง