นายวีระพัฒน์ เดชารัตน์ หัวหน้ากองสวัสดิการเกษตรกร ฝ่ายพัฒนาเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผย "ผู้สื่อข่าว" โครงการสวัสดิการ "ทุนการศึกษาบุตรเกษตรกรชาวสวนยาง" ว่า งบประมาณที่จัดให้ทุนการศึกษานั้น เป็นส่วนหนึ่งในสวัสดิการอื่นๆ ที่จัดให้เกษตรกรชาวสวนยาง ตาม พ.ร.บ. การยางแห่งประเทศไทยฯ มาตรา 49 (5) ซึ่งในต้นปีพ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา โครงการนี้ถือเป็นโครงการนำร่องในหมวดของสวัสดิการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกำหนด ซึ่งก่อนหน้านี้ กยท. ได้จัดสวัสดิการด้านการส่งเสริมอาชีพ และประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่ม และเพิ่งจะเริ่มจัดทำโครงการทุนการศึกษากับบุตรเกษตรกรชาวสวนยาง ที่ขึ้นทะเบียนกับกยท. ที่จะเรียนในระดับปริญญาตรี โดยให้ทุนการศึกษาต่อเนื่อง 4 ปี ปีละ 100,000 บาท จนจบการศึกษา ซึ่งหลักการและเหตุผลของการจัดทำโครงการนี้ คือ ทางกยท. เห็นว่าเรื่องของการศึกษานั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ อยากให้บุคลากรในอาชีพนั้นๆ ได้สร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางในเรื่องของอาชีพ เราคาดหวังว่าบุคลากรเหล่านี้จบมาแล้ว จะเข้ามาเป็นส่วนร่วมกับกยท.
โดยนำโครงการ การวิจัย หรือนวัตกรรมด้านยางพาราที่นักศึกษาได้เรียนรู้มา กลับไปเพื่อพัฒนาอาชีพยางพาราในท้องถิ่นหรือที่ไหนก็แล้วแต่ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1 ชิ้น เพื่อจะได้ให้เห็นประโยชน์คุณค่าของการร่ำเรียนเรื่องนวัตกรรมการแปรรูปยาง เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ นี่คือวัตถุประสงค์และที่มาของโครงการ "ในปี 2563 ผมเขียนโครงการขออนุมัติ เพื่อจัดทำโครงการดังกล่าว นำร่องเป็นจำนวน 10 ทุนการศึกษา ทุนละ 400,000 บาท รวม 4 ล้านบาท" นายวีระพัฒน์ กล่าวและว่า นักศึกษาทุนกยท. รุ่นแรกมีสถาบันที่เราคัดเลือกเข้าเรียน 3 สถาบัน คือ หาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตปัตตานี เลือกนักศึกษา 5 ทุน, ม.อ.วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี 2 ทุน และมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 3 ทุน โดยกระบวนการคัดเลือกเด็กที่จะได้รับทุนการศึกษานั้น จะถูกแบ่งออกเป็นส่วนของการสอบในภาคทฤษฎี และการสอบสัมภาษณ์ จะมีการกำหนดเกณฑ์ในการคัดเลือกไว้อย่างขัดเจนเป็นส่วนๆ
ซึ่งนายวีระพัฒน์ อธิบายในส่วนของการคัดเลือกไว้ว่า ในหลักการกว้างๆ นี้ ทางกยท. มีความคาดหวังว่า การคัดสรรนักศึกษาที่เข้าเรียน ต้องเป็นนักศึกษาที่มีความเดือดร้อนทางด้านการเงินแต่เรียนดี มีความสนใจที่อยากจะเรียนในเรื่องของอาชีพตนเอง นั่นคือเรื่องยาง เป็นเด็กนักเรียนที่จบมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 และต้องการจะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีทางด้านยางพารา ซึ่งทั้ง 10 คนนั้น จะต้องผ่านการคัดเลือกทั้งการสอบในภาคทฤษฎี และในการสอบสัมภาษณ์"
นายวีระพัฒน์ ยังกล่าวถึงเ งื่อนไขที่เด็กผู้ผ่านการคัดเลือก จำเป็นต้องปฏิบัติระหว่างการศึกษาไปจนถึงจบการศึกษา ว่า กฎเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับนักศึกษาที่กำลังศึกษาในทุนการศึกษานี้ ให้เป็นไปตามระเบียบของทางมหาวิทยาลัย ซึ่งทางกยท. มีข้อกำหนดเพียงแค่คนที่ได้รับทุนจะต้องเรียนให้จบภายในกำหนดระยะเวลา 4 ปี และต้องส่งผลงานวิจัยหรือนวัตกรรมให้กับกยท. หลังจากจบแล้วภายใน 1 เดือน เพื่อจะได้นำงานวิจัยตรงนี้ไปถ่ายทอดภายในระยะ 6 เดือน
"ในกรณีที่นักศึกษาไม่สามารถเรียนจบหรือถูกรีไทร์ โดยมีปัจจัยที่เกิดขึ้นจากตัวเด็กเอง ก็จะมีเงื่อนไขสัญญาว่า จะต้องคืนเงินที่เบิกไปแล้วทั้งหมดให้กับทางกยท. ซึ่งตัวสัญญานี้จะต้องผ่านกระบวนการของอัยการ และมีผลทางกฎหมายด้วย"