svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ครม.อนุมัติงบกลาง 204 ล้านบาทรับมือโควิด-19ระลอก2

22 กันยายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบกลาง 2563 วงเงิน 204 ล้านบาท เพื่อใช้ป้องกันฉุกเฉินหากเกิดเหตุโควิด-19 ระบาดรอบสอง เพื่อให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ แม้ไทยมีมาตรฐานเข้มข้น

(22 กันยายน 2563) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจําปี 2563 หรือ งบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระยะการระบาดระลอก 2 จํานวน 204 ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ

ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถควบคุมการระบาดของโรคที่อาจเกิดขึ้นในระลอก 2 ให้อยู่ในวงจํากัด ลดโอกาส การแพร่เชื่อเข้าสู่ประเทศ ลดผลกระทบทางสุขภาพ รวมถึงสามารถดูแลคนไทย และผู้เดินทางจากต่างประเทศ ให้ปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามหลักการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทั่วโลก รวมถึงไท ยส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งด้าน สาธารณสุข เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ซึ่งมีแนวโน้มต่อเนื่องยาวนาน สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกโดยข้อมูล ณ วันนี้ (22ก.ย.) มีผู้ป่วยยืนยันสะสม ทั้งสิ้น 31,468,646 ราย เสียชีวิต 968,840 ราย โดยไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม จํานวน 3,511 ราย เสียชีวิต 59 ราย อยู่ระหว่างพักรักษา จํานวน 109 ราย รักษาหายแล้ว จํานวน 3,343 ราย

ขณะที่ ไทยได้ยกระดับการแจ้งเตือนโรคในผู้เดินทาง ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่มีการระบาด ติดตามสถานการณ์โรคทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการทรัพยากร เสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบการเฝ้าระวัง ค้นหาผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่มาจากต่างประเทศ ทั้งการคัดกรอง ณ ช่องทางเข้าออกประเทศ ที่ท่าอากาศยานนานาชาติ 5 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และเชียงรายนอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายให้ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ต้องกักตัวประมาณ 14 วัน ณ สถานที่รัฐจัดไว้ให้ในระดับประเทศ (National State Quarantine) และระดับจังหวัด (Local State Quarantine) เพื่อดูแลประชาชนชาวไทย และผู้เดินทางจากต่างประเทศ ให้ปลอดภัยตามหลักการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งลดความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติ และสัมผัสกับผู้ป่วยด้านการสอบสวนโรคการรักษา ได้มีขวัญกําลังใจในการทํางาน เกิดการบูรณาการการทํางานร่วมกันของทุกหน่วยงาน ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

logoline