"มาดามเดียร์" หวังคนรุ่นใหม่นำชาติพ้นวิกฤตในมิติสร้างสรรค์

(21 กันยายน 2563) คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กรุงเทพ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองเลขานุการ กมธ. คนที่หนึ่ง ได้จัดสัมมนา "การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต : แผนพัฒนาช่วงวัยเรียนและวัยรุ่น" ให้กับนักเรียนโรงเรียนเซนต์เทเรซา เขตหนองจอก กทม. โดยมี น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ร่วมบรรยายโดย น.ส.วทันยา กล่าวว่า ของทุกอย่างมักมี 2 ด้านเสมอ มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเอง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีคนออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งส่วนตัวก็เห็นด้วย ว่าถึงเวลาที่จะต้องมีการปฏิรูปในหลายๆเรื่อง แต่วันนี้ (21ก.ย.) ทุกคนออกมาเรียกร้อง แต่มีสักกี่คนที่จะเปลี่ยนแปลงที่ตัวเอง ซึ่งวันนี้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น อย่างที่บอกว่ามี 2 ด้านเสมอ

"วันนี้มาในฐานะที่มาเป็น ส.ส. ก็ยินดีที่จะเปิดกว้างรับฟังทางความคิด เพราะตนเองกับเด็กนักเรียนมีวัยต่างกัน และด้วยประสบการณ์ต่างๆ ก็เห็นได้ว่า ในแต่ละช่วงวัยมีความคิดที่ต่างกัน และเมื่อวัยเปลี่ยน ความคิดก็จะเปลี่ยน แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีความคิดใดผิดหรือถูกเสมอ แต่มันอยู่ที่สถานการณ์ เหตุการณ์และช่วงเวลานั้นๆ" น.ส.วทันยา กล่าวและว่า จึงอยากจะฝากไว้เป็นข้อคิด ว่าการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพนั้นสามารถทำได้ แต่จะต้องไม่ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่น ซึ่งเมื่ออยู่ในยุคที่มีข้อมูลจำนวนมาก ต้องรู้เท่าทัน ใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลต่างๆ

นอกจากนี้ สถานการณ์ในปัจจุบันที่มีการออกมาเรียกร้องทางการเมือง ว่า ประเทศชาติยิ่งสงบ การดูแลประชาชนก็จะพัฒนาเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว แต่หากคนในชาติยังเดินหน้าทะเลาะล้มล้างกันไปมา นอกจากประชาชนจะเสียหายแล้ว ประเทศชาติก็เสียหายเช่นกัน และยิ่งเลวร้ายลงไปอีก คือ การที่เอาตนเป็นที่ตั้ง เพื่อกำหนดว่าสิ่งใดต้องทำ โดยไม่ได้คำนึงถึงส่วนรวมเป็นสำคัญ ซึ่งจะทำให้สังคมอยู่ยากและพัฒนาไม่ได้

"วันนี้สิ่งที่เราใน ฐานะ ส.ส.รุ่นใหม่ ที่เดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนมาตลอด จึงอยากฝากไว้ว่า เราฟังเสียงทุกฝ่าย แต่ทุกเสียงต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ไม่ล้มล้างระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และทุกเสียงต้องถูกกฎหมาย จะถูกใจอย่างเดียวไม่ได้ ต้องถูกต้องด้วย หากเราจะเปลี่ยนแปลงอะไร ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย และความเห็นส่วนรวมทั้งชาติ หรือเรียกว่า "พันธสัญญามหาประชาชน" มิใช่แค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น" น.ส.วทันยา ระบุ

ขณะที่ นายศิริพงษ์ กล่าวว่า สิทธิด้านสวัสดิการสังคม เป็นเรื่องที่จะต้องให้ความสำคัญ และเป็นสิทธิพื้นฐานของคนในสังคม ที่จะต้องได้รับ ซึ่งวัตถุประสงค์ของการจัดสัมมนาวันนี้ เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนสามารถวิเคราะห์ศักยภาพตัวเองได้ เพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ อนาคตของชาติก็ต้องพึ่งพาเยาวชน จึงอยากชวนให้ช่วยขับเคลื่อนไปด้วยกัน เพราะการดำเนินชีวิต ก็ต้องยึดกรอบ ศีลธรรมอันดี และยึดสถาบันหลักของชาติไว้ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคมต่อไปด้วย