นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ซึ่งในวันที่ 22 ก.ย. จะมีการหารือวิปสามฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อกำหนดรูปแบบการพิจารณาอย่างเป็นทางการ โดยเบื้องต้นจะเสนอให้พิจารณาอภิปรายแสดงความเห็นรวมกันได้ทุกญัตติ แต่ในการลงมติจะให้แยกพิจารณาลงมติเป็นรายมาตรา
ทั้งนี้ โดยในวันที่ 23 ก.ย. จะให้อภิปรายญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ญัตติ ของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เสนอแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ และเมื่ออภิปรายครบแล้ว ก็ให้ลงมติจะรับหลักการวาระแรกหรือไม่ โดยใช้วิธีการขานชื่อรายบุคคล
"จะให้สมาชิกรัฐสภาแต่ละคนตอบในครั้งเดียวเลยว่า จะรับญัตติของพรรคร่วมรัฐบาล และรับญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือไม่ เพื่อประหยัดเวลา ไม่ต้องขานชื่อลงมติ 2 ครั้ง เพราะการขานชื่อรายคนแต่ละครั้ง ใช้เวลา 3 ชั่วโมง เพราะมีสมาชิกรัฐสภาถึง 750 คน" นพ.ชลน่าน กล่าวและว่า ส่วนการพิจารณาวันที่ 24 ก.ย. จะพิจารณาญัตติแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราที่เหลืออีก 4 ญัตติ ซึ่งรูปแบบเหมือนกับการอภิปรายวันที่ 23ก.ย.
"ดูแล้วน่าจะได้เสียงส.ว.พอ 84 เสียง ในการลงมติรับหลักการวาระแรกได้ เพราะถือว่า เป็นการปลดทุกข์ช่วย ส.ว. เพราะ ส.ว.เองก็คงไม่สบายใจในอำนาจมาตรา 272 ที่ต้องลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่จำเป็นต้องทำตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เป็นการยกภูเขาออกจากอกส.ว." นพ.ชลน่าน กล่าว