"ทอน"วอนรัฐ-ส.ส.-ส.ว.จริงใจแก้รัฐธรรมนูญ

(19 กันยายน 2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย น.ส.พรรณิการ์ วาณิช ได้เดินทางมาที่สนามหลวง เพื่อสังเกตการณ์การชุมนุม และให้กำลังใจมวลชนที่เข้าร่วมปักหลักเรียกร้องรัฐบาลแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการเปลี่ยนตัวผู้บริหารเพื่อเปิดทางให้ปัญหาประเทศได้รับการแก้ไข โดยใ้ช้หัวข้อกิจกรรมครั้งนี้ว่า ธนาธร พาเดินสำรวจชีวิตที่กลับคืนมาใหม่ของสนามราษฎร์ ชัยชนะแรกของวันนี้ คือ การทวงคืนสนามหลวงและเปลี่ยนให้เป็นสนามราษฎร์

โดยนายธนาธร ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า การชุมนุมของมวลชนเป็นไปอย่างสงบ เหมือนเป็นงานรื่นเริง แต่มุ่งมั่นต่อความต้องการเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย ซึ่งตนขอเรียกร้องให้มวลชนรวมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ส่วนการสกัดการชุมนุมของฝ่ายความมั่นคงนั้น ส่วนตัวหนักใจ และขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความจริงใจ ยุติการข่มขู่ คุกคามทั้งการข่มขู่ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว การตั้งข้อหา เพราะหากฝ่ายรัฐบาลไม่หยุด คือ การสะท้อนให้เห็นความไม่จริงใจต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากมวลชนหยุดการยืนเคียงข้างแกนนำ อาจทำให้แกนนำถูกจับกุมได้

เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐสภาเตรียมพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 สัปดาห์หน้า นายธนาธร กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดขึ้น และไม่ทราบว่าาผลพิจารณาของรัฐสภา จะมีผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ คือ ประชาชนต้องสร้างแรงกดดัน ต้องส่งเสียงและความต้องการทวงคืนประเทศ ผ่านการชุมนุมของประชาชนให้มากที่สุด ผ่านข้อเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีประชาชนเลือกตัวแทนเขียนรัฐธรรมนูญ เป็นกติกาอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงพูดถึงปัญหาที่มีอยู่อย่างตรงไปตรงมา อย่างมีวุฒิภาวะ ด้วยเหตุและผลไม่ใช่ใช้อารมณ์อาฆาต หรือทำลายล้าง

เมื่อถามถึงกรณีที่มีข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนเบื้องหลังมวลชน นายธนาธร กล่าวว่า ตนไม่กังวลกับข้อกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังนักศึกษา แต่คนที่กล่าวหานั้น เท่ากับดูถูกสติปัญญาประชาชน

"ฝ่ายอนุรักษ์นิยมใช้ข้อหานี้มาอยู่แล้ว ว่าคุณทักษิณ ชินวัตร ผม หรืออเมริกาอยู่เบื้องหลัง เพื่อทำลายความชอบธรรม เพื่อให้ประชาชนลังเล ที่จะให้สนับสนุน หากเป็นเช่นนั้นเขาจะเข้าจับกุม และเริ่มปราบปรามได้ เหมือนกับเหตุการณ์ขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา ดังนั้น อย่าหวั่นไหวกับข่าวลวงที่พวกเขาต้องการทำลายชอบธรรมของการชุมนุม ผมขอให้ประชาชนออกมา อย่าหยุดยืนเคียงข้างกัน หรือ ทอดทิ้งแกนนำ เพราะเขาจะถูกจับกุม และอย่าเชื่อข่าวลวงที่ทำให้แตกแยก หรือทำลายความน่าเชื่อถือของแกนนำ" นายธนาธร กล่าว

เมื่อถามถึงความเห็นต่อการรับข้อเรียกร้องของมวลชน ในวันที่ 20 ก.ย. ว่า นายกฯ ควรรับด้วยตนเองหรือไม่นั้น นายธนาธร กล่าวว่า นายกฯอยากรับฟังความเห็นของนักศึกษา ไม่ต้องเสียเวลาตั้งกรรมการเพื่อซื้อเวลา แต่ควรเปิดฟังยูทูป สิ่งที่รัฐบาลแสดงความจริงใจต่อการแก้ปัญหาได้ คือ การสั่งให้ ส.ส. และ ส.ว. ร่วมมือกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเชื่อว่าภายใน 12-18 เดือนสามารถทำสำเร็จ จาากนั้นให้ยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่

"นายกฯ ไม่ต้องซื้อเวลา แต่ควรสัญญาด้วยตนเอง และไม่ต้องพูดเยอะ ว่าขอแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หรือปัญหาโควิดก่อนแก้ปัญหาทางการเมือง เพราะการก้ปัญหาเศรฐกิจและโควิด เป็นเรื่องรัฐบาล ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหน้าที่ของรัฐสภา จึงทำควบคู่กันได้ ดังนั้น สิ่งที่ต้องพวกเราต้องทำต่อไป คือ สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส" นายธนาธร กล่าว

จากนั้นแกนนำคณะก้าวหน้าได้เดินไปในพื้นที่โดยรอบการชุมนุม ท่ามกลางประชาชนที่รุมล้อมขอถ่ายภาพ และตะโกนให้กำลังใจตลอดการเดินในพื้นที่ ทั้งนี้น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่าความตั้งใจที่จะปูเสื่อ ร่วมชุมนุม ชมวัดพระแก้วไม่สามารถทำได้ เพราะมีคนจำนวนมาก ดังนั้นจะขอกลับและออกจากพื้นที่ เพื่อไม่ให้การชุมนุมและการปราศรัยบนเวที ถูกดึงความสนใจ