svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"พิธา" ชี้ วันนี้จะเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์

19 กันยายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"พิธา" ชี้ อยากให้วันนี้ (19 ก.ย. 63) เมื่อมองกลับมาคือวันแห่งประวัติศาสตร์ ที่ประชาชนได้ออกมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้อง"อนาคตที่ดีกว่า" พร้อมวอนผู้มีอำนาจเปิดใจรับฟัง ยังสามารถเลือกได้ว่าจะพาบ้านเมืองไปสู่ทางออกหรือทางตัน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "จาก 19 กันยา 49 วันเวลาแห่งความสูญเสียในความทรงจำของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ - สู่ 19 กันยา 63 ความหวัง ความเปลี่ยนแปลง" ระบุข้อความดังนี้...
19 กันยายน 2549 ในความทรงจำของหลายคน อาจเป็นความทรงจำเกี่ยวกับการรัฐประหาร แต่สำหรับผมแล้ว วันที่ 19 กันยา 49 ยังเป็นวันที่ผมได้ทราบข่าวร้ายที่สุดในชีวิต คือวันที่คุณพ่อของผม คุณพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ เสียชีวิต ดังนั้นในความทรงจำอันแจ่มชัด นอกจาก 19 เดือน 9 ปี 49 จะเป็นจุดเริ่มต้นความถดถอยและความสูญเสียอันมหาศาลของประเทศไทยแล้ว ยังเป็นความสูญเสียของครอบครัวผมอีกด้วย
วันที่ผมได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณพ่อ ผมเพิ่งบินไปถึงบอสตันได้ไม่กี่วัน กำลังเริ่มต้นพิธีปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัยที่ผมไปศึกษาต่อปริญญาโท เมื่อทราบข่าวผมจึงต้องจัดแจงเดินทางกลับมาเมืองไทยโดยด่วน และดำเนินการทำเรื่องพักการเรียน เพื่อจะมาสานต่อธุรกิจของคุณพ่อ นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของผมที่ในขณะนั้นอายุเพียง 25 ปี ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาในทุกวันที่ 19 กันยายนของทุกปี ครอบครัวของผมทำบุญครบรอบให้คุณพ่อ วันนี้ก็เช่นกัน และทุกครั้งที่ 19 กันยายนเวียนมาแต่ละปี ความทรงจำต่างๆ ของผมก็กลับมาอีกครั้ง ว่าครอบครัวของผมและประเทศไทยต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง

สำหรับประเทศไทย เหตุการณ์รัฐประหารปี 2549 พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ โค่นรักษาการนายกรัฐมนตรี ดร. ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในนครนิวยอร์ก ณ ตอนนั้นยังมีคนจำนวนมากในประเทศไทยที่ไม่ได้รู้สึกถึงพิษภัยของรัฐประหาร คนต่อต้านถือว่าจำนวนยังน้อยถ้าเทียบกับในปัจจุบันนี้
ในวันนั้นหลายคนอาจยังเด็ก บางคนอาจอยู่ชั้นประถมเท่านั้น บางคนโตหน่อยก็อยู่ในชั้นมัธยม แต่อย่าลืมครับว่า ในระหว่างทางของการเติบโตจากเด็กเป็นเยาวชนหรือเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ พวกเขาต้องพบกับเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆทางการเมือง การล้อมปราบประชาชนคนเสื้อแดงอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน การลี้ภัยของผู้เห็นต่างทางความคิดและการอุ้มหายบางคนในกลุ่มพวกเขาเหล่านั้น นอกจากนี้ เด็กที่กำลังเติบโตในวันนั้นยังได้ผ่านการรัฐประหารอีกครั้งหนึ่งในเวลาต่อมา จึงเท่ากับว่า พวกเขาได้ผ่านการทำรัฐประหารถึง 2 ครั้งในเวลาไม่ถึงสิบปี พวกเขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับเจอความจริงเชิงประจักษ์ที่ว่า การ กระทำเช่นนี้คือการนำพาบ้านเมืองให้ถดถอยและไปสู่ความล่มจมได้ขนาดไหน
พวกเขายังต้องเจอกับระบบอำนาจนิยมที่กดทับและชี้นำประเทศ ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมหลังจากรัฐประหาร ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือระบบนี้ยังสอดแทรกและซึมลึกมาถึงในโรงเรียนหรือที่บ้าน ไม่ว่าด้วยระเบียบและคำสั่งต่างๆ หลักสูตรที่พวกเขาเรียน ที่เห็นชัดคือค่านิยม 12 ประการที่ผู้มีอำนาจพยายามยัดเยียดเข้าไปในหัว หรือแม้กระทั่งเนื้อหาทีวีที่พวกเขาดู สิ่งเหล่านี้คือความอึดอัดและผลักดันให้พวกเขาต้องออกไปค้นหาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมสิบกว่าปีมานี้ที่กำลังส่งกระทบมาถึงพวกเขาในวันนี้มันคืออะไรกันแน่ พวกเขาไปศึกษาเพื่อทำความเข้าใจต่อประวัติศาสตร์บ้านเมืองในเชิงลึก พวกเขาไปค้นคว้า คิด วิเคราะห์ จนทำให้ตัดสินใจร่วมกันในคนรุ่นของพวกเขาวันนี้แล้วว่า ถึงเวลาที่ต้องเดินออกมาเรียกร้องเพื่อประเทศไทยที่ดีกว่า เพื่อประเทศไทยที่ไม่ควรมีผู้อำนาจคนใดจะมีสิทธิ์แย่งอำนาจสูงสุดออกไปจากมือประชาชนได้ และสุดท้ายที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ การเดินออกมาเพื่ออนาคตที่ไขว่คว้าได้ด้วยตัวของพวกเขาเอง

**การชุมนุม 19 กันยายน 2563 ความหวัง ความเปลี่ยนแปลง**
การแสดงออกและการเรียกร้องของนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนภายใต้กรอบกฎหมาย เป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ถูกต้องและสามารถกระทำได้ รัฐบาลจึงต้องคุ้มครองและอำนวยความสะดวกให้การแสดงออกดังกล่าวเป็นไปได้อย่างเสรี รัฐบาลต้องเปิดพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัยในการแสดงออกของประชาชน โดยปราศจากการคุกคาม แทรกแซง ให้ร้าย ผมอยากให้ วันที่ 19 กันยายน 2563 เมื่อมองกลับมาคือวันแห่งประวัติศาสตร์ หรือวันแห่งการบันทึกปรากฎการณ์ของสังคม ที่ประชาชนผู้ไม่ยอมทนอีกต่อไปได้ออกมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องอนาคตที่ดีกว่านี้ให้ตนเองและประเทศชาติ
วันนี้จะถูกจดจำในความทรงจำของผมและถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เสมอ ผมพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ขอสื่อสารไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้มีอำนาจต่อรัฐบาลนี้อีกครั้งว่า นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ยังสามารถเลือกได้ว่าจะพาบ้านเมืองไปสู่ทางออกหรือพาประเทศไปสู่ทางตัน และผมไม่ปรารถนาที่จะเห็นความรุนแรงต่อประชาชนเกิดขึ้นอีกไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม
ผมขอผู้มีอำนาจจงเปิดใจรับฟัง เพราะการตัดสินใจทุกอย่างของพวกท่านนับจากตอนนี้เป็นต้นไป ล้วนจะส่งผลกระทบถึงประชาชน ถึงประเทศชาติอย่างมหาศาล และด้วยความปรารถนาดี ผมขอให้พวกท่าน ตัดสินใจโดยนึกถึงประเทศชาติและประชาชนเป็นสิ่งสำคัญอย่างที่สุดเกาะติดสถานการณ์ #19กันยาทวงอํานาจคืนราษฏร อย่างใกล้ชิด

logoline