สภาฯ ตัด 1.7 หมื่นล้าน งบปี 64
สภาผู้แทนฯหั่นงบประมาณปี 2564 กว่า 1.7 หมื่นล้านบาท จากวงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท เหลือเพียง 3.285 ล้านบาท ขณะที่ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ตั้ง 5 ข้อสังเกตจัดทำเงินภาพรวมยังไม่ตรงจุด
(16 กันยายน 2563) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 วงเงินไม่เกิน 3.3 ล้านล้านบาท ในวาระ 2 และ 3 หลังจากที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว
โดยที่ประชุมมีมติ 264 ต่อ 140 เสียง งดออกเสียง 18 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง เห็นชอบมาตรา 4 ของร่างพ.ร.บ.ตามที่กมธ.เสนอ พร้อมทั้งมีการปรับลดงบประมาณจากเดิมที่เสนอ 3.3 ล้านล้านบาท เหลือเพียง 3.285 ล้านล้านบาท หรือปรับลดวงเงินที่เสนอขอ กว่า 1.7 หมื่นล้านบาท
สำหรับการอภิปรายก่อนหน้านี้ โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า งบประมาณที่กมธ.ตัดลดหมื่นกว่าล้านบาท เป็นประโยชน์กับผู้เสียภาษีและประเทศชาติ แต่ก็ไม่เหมาะสมกับวิกฤตเศรษฐกิจ ทุกคนกำลังเผชิญกับสึนามิเศรษฐกิจ แต่ไม่น่าเชื่อว่ายุคนี้จะมีผู้บริหารไม่รู้ร้อนรู้หนาว กับความยากลำบากของประชาชน งบจำนวนมากที่กำลังพิจารณา ทั้งในแง่ปริมาณและการจัดสรร คือ ชูชีพของประชาชน
และ 5.ประมาณการฐานะทางการคลัง อาจทำให้คลังแตกได้ งบประมาณที่ปรับลดลงเหลือ 3.28 ล้านล้านบาท อาจต้องตั้งงบขาดดุลประมาณ 8-9 แสนล้านบาท เป็นการขาดดุลจำนวนมากและต่อเนื่อง ต้องไล่ใช้เงินต้นและดอกเบี้ย เป็นงูกินหางที่สร้างข้อจำกัดในการจัดงบประมาณในปีต่อๆไป แม้รัฐบาลจะยืนยันว่าฐานะทางการคลังเข้มแข็ง ไม่ถังแตก แต่สงสัยว่าทำไมถึงแก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ เชื่อว่าหากจัดสรรงบให้ดี ตรงจุด ตรงเป้าหมาย จะนำพาประเทศพ้นวิกฤตและคงสถานะคงคลังได้ หากตัดงบที่ไม่จำเป็นได้
ทั้งนี้ ส่วนตัวขอตั้งข้อสังเกตของการจัดทำงบประมาณ 5 ข้อ ดังนี้ 1.โครงสร้างงบประมาณยังไม่ตอบโจทย์มหาวิกฤต ไม่รองรับวิกฤตและอาฟเตอร์ช็อคของมันได้ 2.งบที่ตัดไม่ใช่ตัดจริงๆ ไม่ใช่การรีดไขมันจริงๆ 3.รัฐราชการโตขึ้น 4% ของทุกปี โตยิ่งกว่าจีดีพี 4.การกระจายอำนาจท้องถิ่นถูกรีดภาษี และได้เงินชดเชยไม่เพียงพอ แม้มีการให้งบเพิ่มกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไปแล้ว แต่ก่อนหน้านี้รัฐบาลสั่งงดเก็บภาษีสิ่งก่อสร้างไป จึงทำให้อปท.ได้รับความเสียหาย