svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

2อดีตสื่อแจงเหตุออกปมข่าวน้องชมพู่เพราะทำเกินจริยธรรม

16 กันยายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"อนุกมธ.สื่อฯ วุฒิสภา" เชิญ 2 อดีตสื่อมวลชนเข้าแจงหลังลาออกจากสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล เพราะทนรายงานกรณีน้องชมพู่ต่อไปไม่ไหว จนกลายเป็นชนวนแตกแยกในพื้นที่ ด้าน "ตัวแทนกสทช." ย้ำทำถูกแล้ว เพราะเตรียมพิจารณาโทษช่องถึงขั้นจอดำ-เพิกถอนในอนุญาต ขณะที่ "นิพนธ์ นาคสมภพ" เตรียมเชิญกองบก.-ผอ.ฝ่ายข่าวแจงก่อนต้นเดือนต.ค.

(17 กันยายน 2563) คณะอนุกรรมธิการ (กมธ.) สิทธิเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชนและสื่อสาธารณะ วุฒิสภา โดยมีนายนิพนธ์ นาคสมภพเป็นประธานได้เชิญนายทรงพล เรืองสมุทรอดีตหัวหน้าช่างภาพข่าว และนายศักดิ์ดา วรรณสุทธิ์อดีตผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลแห่งหนึ่ง เข้าชี้แจงต่อกมธ. เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา ถึงกรณีการนำเสนอข่าวคดีการเสียชีวิตของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ปรีชา หรือ น้องชมพู่

โดยนายทรงพล กล่าวยอมรับว่า ส่วนตัวรู้อึดอัดใจ และไม่ได้อยากออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ แต่อยากเปลี่ยนกระบวนการทำงานของสื่อมวลชน ไม่ให้โครงสร้างบิดเบี้ยว และอยากให้เสียงถึงผู้ใหญ่ และยอมรับว่ามีความพยายามของกองบรรณาธิการ ที่จะบี้ประเด็นมากับคนทำข่าวที่ลงพื้นที่ ที่จะต้องได้มากกว่าช่องอื่น จึงเป็นการใช้เสรีภาพของสื่อมากเกินความจำเป็น ล่วงเกินเสรีภาพของบุคคล ที่เป็นแหล่งข่าว เพราะโครงสร้างสื่อปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับปากท้องมากกว่าจริยธรรม สาเหตุที่ลาออกเพราะรู้สึกละอาย

นายทรงพล กล่าวต่อว่า กรณีการสัมภาษณ์พระในข่าว ซึ่งไม่ใช่พระในสำนักสงฆ์ ที่กองบรรณาธิการพยายามให้นักข่าวภาคสนาม ไปขอน้องให้ประแสดงอภินิหาร ไปคุยกับต้นไม้ และถามว่าเห็นนิมิตรอะไรหรือไม่ ซึ่งมองว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะมาอ้าง ว่าคนดูชอบ แต่เป็นการแก้ตัวที่ไม่มีความรับผิดชอบ พร้อมเปิดเผยว่าเคยหารือเรื่องนี้ในองค์กรแบบไม่เป็นทางการ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เห็นด้วย โดยบอกว่า "ทำแล้วมีคนดู เรทติ้งสูง เม็ดเงินเข้ามา ใครจะอยากเปลี่ยนเรื่อง"

ขณะที่ นายศักดิ์ดา กล่าวว่า ส่วนตัวมีความลำบากใจในการปฏิบัติหน้าที่ จึงตัดสินใจลาออก เพราะการเข้าถึงสิทธิส่วนบุคคลระหว่างทำข่าวกับชาวบ้าน แม้บางครั้งชาวบ้านไม่ได้ปฏิเสธ แต่ส่วนตัวก็ลำบากใจ เพราะเรื่องที่ถามไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู และยอมรับว่าลำบากใจในการนำเสนอเรื่องความเชื่อ และร่างทรง แต่ไม่สามารถปฏิเสธกองบรรณาธิการได้ส่วนการนำเสนอข่าวที่สร้างความขัดแย้งของคนในหมู่บ้านจนแตกเป็นสองฝ่ายคิดว่าสื่อมีส่วนสร้างความแตกแยก เนื่องจากเป็นการพูดผ่านสื่อไม่ได้คุยกันโดยตรงจนนำไปสู่ความเข้าใจผิด พร้อมยอมรับว่าถูกกดดันจากทั้งนายจ้างและประชาชนในพื้นที่

ด้านพล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจตัวแทนจาก กสทช. กล่าวว่า เป็นเรื่องของทุนสูงสุดในอุตสาหกรรมสื่อ ที่หากำไรกับเรื่องแบบนี้ ก่อนบอกไปยังผู้ร่วมชี้แจงว่า "น้องออกมาน่ะดีแล้ว" โดยข้อมูลในปี 2562 ช่องดังกล่าว มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา 3 เรื่อง ส่วนปีนี้ยังไม่จบปี มี 6 เรื่องที่ร้องเรียนเข้ามา ซึ่งโทษเป็นการปรับเงิน ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายของ กสทช. เป็นลักษณะขั้นบันได จากการปรับสู่การพักใช้ใบอนุญาตหรือจอดำ ไปจนถึงการเพิกถอนใบอนุญาต

อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ช่องดังกล่าวถูกร้องเรียนถึง 9 ครั้งแล้ว จะดำเนินการขั้นที่เหนือกว่าการปรับหรือไม่ ตัวแทน กสทช. ยืนยันว่า หลังจากนี้หากช่องดังกล่าวถูกร้องเรียนในเรื่องเดิมและรุนแรงกว่า จะไม่ใช้การปรับ แต่จะพิจารณาถึงบทลงโทษอื่น เช่น การพักใบอนุญาตหรือจอดำในรายการนั้นๆ พร้อมฝากถึงประชาชนให้ช่วยร้องเรียนมายัง กสทช.

ด้าน นายนิพนธ์ นาคสมภพ ยืนยันว่าเสียงได้มาถึงแล้ว และเสียงนี้จะไม่เงียบและยืนยันว่าจะสรุปประเด็นในเรื่องนี้ก่อนที่ต้นเดือนต.ค. จะเชิญตัวแทนกองบรรณาธิการข่าวและผู้อำนวยการฝ่ายข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องดังกล่าวมาสอบข้อเท็จจริง

logoline