svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

เราเดินได้ แต่มันดันเดินไม่ได้... นี่สิ!

18 กันยายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เดินได้แล้ว! เดินได้แล้ว!!" เสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจของคุณย่า เมื่อมีใครซักคนในครอบครัวโทรมาบอกข่าวดีว่า หลานคนโปรดวัยขวบเศษเริ่มก้าวเดินแล้ว... ประสบการณ์แบบนี้ เชื่อว่าเกือบทุกครอบครัวคงได้เจอะเจอกันบ้างนะครับ

คนเราทุกคนเมื่อเกิดมาก็ต้องหัดเดินและเมื่อเดินได้แล้วสองขานั้น ก็พาเราท่องไปในโลกกว้างได้อย่างไม่น่าเชื่อและเป็นการท่องไปที่ไม่ได้ใช้พลังงานฟอสซิลไม่ปล่อยสารมลพิษ ไม่ปล่อย PM 2.5 และไม่ทำให้โลกร้อนรวมทั้งได้สุขภาพดีมีสุขตามมาอีกด้วย


แต่ไม่รู้ทำไมคนที่บริหารบ้านเมืองของเราตลอดมาจึงทำให้เราซึ่งเดินได้กลายเป็นคนเดินไม่ได้หรือไม่เดินยิ่งไทยกำลังจะเป็นสังคมของคนสูงวัยเต็มรูปแบบในอีกไม่กี่ปี หากทางเท้าไม่อำนวยให้สว.(สูงวัย) เดินได้อย่างสะดวกและปลอดภัย เขาก็จะกลายเป็น"คนติดบ้าน"ออกทำมาหากินไม่ได้เป็นภาระแก่ลูกหลานอย่างไม่จำเป็น


สำหรับคนพิการยิ่งแล้วใหญ่เข็นวีลแชร์ออกมาจากบ้านมาเจอทางเท้าไทยที่ขอบทางเท้าสูงขึ้นไม่ได้ ต้องจำใจเสี่ยงอันตรายไปใช้บนถนน สุดท้ายหลายคนก็เลิกออกจากบ้านเช่นกัน กลายเป็นปัญหาสังคมที่เราทุกคนต้องช่วยกันแบกภาระทางอ้อมกันอยู่ทุกวันนี้


มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งเช่น สมาชิกของชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทยสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยได้รณรงค์มาตั้งแต่เกือบ 30 ปีก่อนขอให้รัฐโดยเฉพาะกรุงเทพมหานครทำทางลาดที่ขอบทางเท้าให้คนพิการเข็นวีลแชร์ขึ้นได้คนสูงอายุเดินได้ และคนทั่วไปก็เดินได้อย่างสะดวกขึ้น รณรงค์กันอยู่เป็นสิบปีภาครัฐจึงเริ่มให้ความสนใจบ้าง (ต้องเติมคำว่า บ้าง เพราะมันแค่ บ้าง จริงๆ)และเริ่มมีการทำทางลาดที่ขอบทางเท้าให้แก่คนกรุงบ้าง


แต่ด้วยความสนใจเพียงแค่บ้าง และด้วยความเข้าใจผิดเห็นว่าเป็นงานที่ไม่ต้องใช้ฝีมือเขาจึงเพียงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ระดับล่างลงไปทุบขอบทางเท้าและทำทางลาดขึ้นในบางพื้นที่บางถนนซึ่งบ่อยครั้งมันใช้ไม่ได้ มันอันตรายต่อการใช้ (ดูภาพที่ 1)จึงทำให้คนยังเดินไม่ได้และไม่เดินต่อไป


เราเดินได้ แต่มันดันเดินไม่ได้... นี่สิ!

ภาพที่ 1ทางลาดที่ขอบทางเท้ามีขอบด้านข้างที่ชันดิ่งซึ่งทำให้พลาดหกล้มได้


แต่กลุ่มคนพวกนั้นก็มิได้หยุดเพียงแค่นั้นยังเพียรรณรงค์ทำความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่รัฐจนในที่สุดเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและเริ่มมีการใช้งบประมาณที่มากพอจนทำให้ทางลาดนั้นเริ่มใช้ได้จริง(ดูภาพที่ 2)ซึ่งก็ต้องถือโอกาสนี้ขอบคุณกรุงเทพมหานครที่ในที่สุดก็ได้เริ่มทำสิ่งดีๆนี้ให้แก่ชาวกทม. แม้จะยังไม่ทั่วเมืองก็ตาม


เราเดินได้ แต่มันดันเดินไม่ได้... นี่สิ!

ภาพที่ 2 ทางลาดที่ทางเท้าที่ทำขึ้นได้อย่างถูกต้อง (ถนนประดิพัทธ์ ก.ค.2563)


ไม่ใช่ว่าได้คืบจะเอาศอกนะครับ แต่เราเห็นว่าสิ่งที่ทำมาดีนั้น ยังดีขึ้นได้อีกมากมากจนจะทำให้คนหันออกมาเดินกันมากขึ้น ซึ่งจะลดปัญหาจราจรลดปัญหามลพิษได้มากขึ้นปัญหามันอยู่ตรงนี้ครับตรงที่ถนนบ้านเรามีทางเข้าบ้านเข้าคอนโดฯลฯมากไป ซึ่งนั่นหมายความว่าหากทำแบบเดิมๆเราก็จะมีช่องที่บากทางเท้าให้บ๋อมลงตรงทางเข้าอาคารนั้นๆ เป็นจำนวนมาก (ดูภาพที่ 3ซึ่งนั่นหมายความต่อไปว่าคนเดินเท้าต้องเดินขึ้นก้าวลงในทุกๆ ที่ที่มีการบากช่องบ๋อมที่ว่านั้นซึ่งอย่าว่าแต่คนพิการหรือคนสูงอายุเลย แม้แต่คนหนุ่มสาวปกติที่แข้งขาแข็งแรงก็ยังไม่รู้สึกอยากออกมาเดินบนทางเท้าแบบนี้


เราเดินได้ แต่มันดันเดินไม่ได้... นี่สิ!

ภาพที่ 3 สังเกตจำนวนหรือความถี่ของช่องที่ทางเท้าบ๋อมลงเพื่อเป็นทางเข้าอาคารที่มากเกินไป


สิ่งที่เราอยากเสนอให้ภาครัฐปรับปรุงให้ดีขึ้นไปอีกให้บ้านเมืองของเราเป็นเมืองน่าอยู่ ชุมชนน่าอยู่ดังอารยะประเทศ คือการทำให้ทางเท้าของเราเดินได้ราบเรียบและต่อเนื่องไม่มีช่องบ๋อมของทางเท้าที่ตรงทางเข้าบ้านแต่ให้รถที่เข้าออกจากบ้านต้องเป็นฝ่ายไต่ขึ้น(ผ่านทางลาด)แล้ววิ่งเข้าบ้านซึ่งแน่นอนต้องไม่สะดวกแก่ฝ่ายขับรถ และเมื่อพูดถึงมาตรการแบบนี้หลายคนคงคิดและนึกในใจว่าเป็นไปไม่ได้หรอก ที่เจ้าของบ้านจะยอมทำเช่นนั้นและจะมีเสียงต่อต้านมากมายจนสิ่งที่เสนอนี้ทำไม่ได้


แล้วจริงๆมันทำได้ไหมครับ



นี่คือวิวัฒนาการของการปรับปรุงทางเท้าที่เดินไม่ได้หรือไม่อยากเดินมาเป็นทางเท้าที่ชวนเดินมากขึ้นแต่เราก็ได้ทิ้งปัญหาไว้ว่าถ้าจะให้ดีทางเท้าที่ดีต้องไม่มีช่องบ๋อมลง(ตรงทางเข้าบ้านหรือคอนโดฯลฯ) มากไปเพราะถ้ามีมากไปเราคนเดินเท้าก็ต้องไต่ขึ้นเดินลง อันนับว่าไม่สะดวกและน่าเดินน้อยลงและเราบอกด้วยว่าควรให้ฝ่ายขับรถเข้าบ้านเข้าคอนโดนั่นแหละที่เป็นคนที่ต้องไต่ขึ้นไต่ลงที่ทางเท้าก่อนเข้าหรือออกจากบ้านแทนเราและเราก็หยอดท้ายไว้ด้วยว่าหลายคนคงนึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนที่เดิมเคยขับรถเข้าบ้านแบบสบายๆ จะยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น


แล้วมันเป็นไปได้จริงไหม



จริงครับเรามีรูปภาพพิสูจน์อยู่มากมาย ทั้งในเขตต่างจังหวัดและในกรุงเทพมหานคร(กทม.)แต่เราขอเลือกเฉพาะภาพที่คนคุ้นตามานำเสนอให้ท่านดู นั่นคือที่ถนนพหลโยธินช่วงใกล้อนุสาวรีย์ชัย(ภาพที่ 4 และ 5)ในภาพจะเห็นทางเท้าที่เดินได้ต่อเนื่องและตรงทางเข้าบ้านเข้าอาคารก็ไม่มีช่องบ๋อมลงไปของทางเท้าอีกต่อไปทำให้เดินได้สะดวกและน่าเดินกว่าเดิมมากมาย



ทางเท้านี้กทม.ได้ทำการปรับปรุงเมื่อ มิ.ย. - ก.ค. 2563 นี่เอง ซึ่งเป็นช่วงที่หลังจากได้มีการเอาสายไฟฟ้าลงดินแล้วสิ่งนี้ยิ่งทำให้สภาพแวดล้อมทางกายภาพน่าเดินมากขึ้นไปอีกรวมทั้งทำให้เมืองของเราน่าอยู่มากขึ้น ซึ่งเราต้องขอขอบคุณกทม.เป็นอย่างมากที่ได้เริ่มทำสิ่งดีๆนี้ให้แก่บ้านเมืองของเราตามที่เราได้ขอร้องและผลักดันมากันนานพอสมควร


เราเดินได้ แต่มันดันเดินไม่ได้... นี่สิ!

ภาพที่ 4 ทางเท้าที่ดีเดินได้ต่อเนื่องและสะดวกสมกับเป็นเมืองหลวงประเทศ(ถนนพหลโยธิน ก.ค.2563)


เราเดินได้ แต่มันดันเดินไม่ได้... นี่สิ!

ภาพที่ 5 มีการทำทางราดยางมะตอยอย่างดี ตรงบริเวณทางเข้าอาคาร ทำให้เดินได้ราบเรียบและต่อเนื่อง



ส่วนที่เป็นขอบ ทำให้เดินยาก ล้มง่ายแต่จะด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบก็ยังมีส่วนที่ทางเท้าต้องบ๋อมลง อันทำให้ประชาชนต้องเดินขึ้นเดินลงและวีลแชร์ต้องไต่ขึ้นไต่ลงตรงขอบทางเท้าที่ระดับไม่เท่ากันอยู่ดีทั้งที่เป็นถนนเดียวกันก่อสร้างปรับปรุงพร้อมกัน (ดูภาพที่ 6)ถ้ากทม.จะปรับปรุงแก้ไขและดำเนินการให้สมบูรณ์ตลอดทั้งสายก็จะเป็นพระคุณยิ่งขึ้นไปอีก


เราเดินได้ แต่มันดันเดินไม่ได้... นี่สิ!

ภาพที่ 6บริเวณทางเท้าที่ปรับปรุงแล้วแต่ยังมีส่วนที่เดินไม่สะดวก(ถนนพหลโยธิน ก.ค.2563)

ไหนๆจะพูดถึงความไม่สมบูรณ์นี้แล้ว ก็ขออนุญาตแถมอีก2เรื่อง คือ (1)ฝาบ่อพักของอีกหน่วยราชการยังไม่ได้ระดับเดียวกับทางเท้ายังมีบ๋อมลงไปลึกพอสมควร(ดูภาพที่7)ทำให้ข้อเท้าพลิกและเป็นอันตรายต่อคนเดินเท้าและคนพิการได้รวมทั้ง (2)ชุดตู้ชุมสายก็มิได้มีการปรับปรุงไปพร้อมกันทำให้ความสวยงามที่มีนั้นถูกลดทอนลงไปอย่างน่าเสียดายซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่ายังขาดการพูดคุยและบูรณาการกันอย่างที่หลายคนอยากเห็นถ้าต่างหน่วยงานของรัฐจะช่วยทำให้สมบูรณ์ขึ้นความขอบคุณของประชาชนก็จะเพิ่มขึ้นอีกเป็นหลายเท่าทวีคูณ


ฝาท่อไม่ได้ระดับกับพื้นทางเท้าตู้ชุมสายอยู่ในสภาพที่อาจไม่ปลอดภัย


เราเดินได้ แต่มันดันเดินไม่ได้... นี่สิ!

ภาพที่7ยังขาดการบูรณาการในการทำงานของต่างหน่วยราชการทำให้งานยังไม่สมบูรณ์



และมันจะเป็นไปได้จริงไหมที่หน่วยงานรัฐจะบูรณาการกันก่อนเพื่อให้งานออกมาเรียบร้อยคำตอบคือได้ครับภาพที่8ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งนี้เป็นไปได้และเป็นไปได้จริงแล้วด้วย



ขอขอบคุณหน่วยงานของรัฐที่เริ่มเข้าใจในความสำคัญของทางเลือกที่ดีของการเดินทาง(เฉกเช่นการเดินเท้านี้ซึ่งนอกจากจะดีต่อคนเดินเท้าแล้ววีลแชร์และคนที่ใช้จักรยานในการสัญจรก็จะได้ประโยชน์ด้วย) และทำให้มันสะดวกสบายรวมทั้งลดอันตรายให้แก่พวกเรา ประชาชนคนไทยทุกคน...ขอขอบคุณอีกครั้งครับ


เราเดินได้ แต่มันดันเดินไม่ได้... นี่สิ!

ภาพที่8ตู้อุปกรณ์ของการไฟฟ้านครหลวงบนทางเท้าของกทม.ที่ร่วมกันทำได้ดีน่าชมเชย


โดย....ธงชัย พรรณสวัสดิ์ (สถาบันการเดินและการจักรยานไทย)

ชัยพร ภูผารัตน์ (สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย)

logoline