(16 กันยายน 2563) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติรับทราบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 ไปพลางก่อน แทนงบประมาณปี 64 ที่จะใช้ไม่ทันวันที่ 1 ต.ค. นี้ โดยคาดว่าจะล่าช้าประมาณ 1 เดือน
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้ใช้กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณก่อนนั้นไปพลางก่อน ประกอบกับ พ.ร.บ.วิธีการงบปรมาณ 61 มาตรา 12 บัญญัติให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณที่ล่วงแล้วไปพลางก่อนได้
สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณปีงบ 63 ไปกลางก่อน ประกอบด้วย 1.ให้สำนักงบประมาณมีอำนาจจัดสรรงบประมาณให้หน่วยรับงบประมาณได้ไม่เกิน 1 ใน 4 ของแผนงานต่างๆ รายการงบกลาง และงบประมาณรายจ่ายสำหรับทุนหมุนเวียนที่กำหนดไว้ตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 63
2.กรณีที่มีความจำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณเกินกว่าหรือนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ให้สำนักงบประมาณมีอำนาจจัดสรรงบประมาณได้ตามความจำเป็น แต่ไม่เกินวงเงินงบประมาณแต่ละแผนงานรายการตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 63 เฉพาะกรณี เช่น รายจ่ายตามข้อผูกพันสัญญา คำพิพากษา หรือคำสั่งศาล ต้องดำเนินการตามข้อตกลงที่รัฐบาลทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ รวมถึงที่ต้องทำตามข้อตกลงที่ทำไว้กับสถาบันการเงินระหว่างประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศ มีความจำเป็นเร่งด่วนซึ่งหากไม่ดำเนินการจะเสียหายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
3.ให้หน่วยรับงบประมาณรายจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.63 เมื่อได้รับอนุมัติเงินจัดสรรจากสำนักงบประมาณแล้วโดยให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ 64 ซึ่งต้องหักออกเมื่อ พ.ร.บ.งบประมารรายจ่ายประจำปี 64 ประกาศบังคับใช้แล้ว
อย่างไรก็ตาม สำนักงบประมาณได้มีหนังสือเวียนแจ้งหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 63 ไปพลางก่อนและวิธีปฏิบัติแล้ว ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นการดำเนินเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน