svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"จตุพร"ยันภาพร่วมวงอดีตนายกฯเป็นมารยาทสังคมไม่ทำความคิดเปลี่ยน

14 กันยายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"จตุพร พรหมพันธ์ุ" ของขึ้นอัดพวกหาเศษหาเลย หลังแชร์ภาพร่วมโต๊ะกับอดีตนายกฯ ยันเป็นมารยาททางสังคม แม้เห็นต่างแต่ก็ร่วมวงคุยได้ เพราะความเป็นมนุษย์ ลั่นจุดยืนทางการเมืองไม่มีเปลี่ยนแปลง

(15 กันยายน 2563) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวชี้แจงวานนี้ (14ก.ย.) ต่อกรณีรูปภาพนั่งร่วมโต๊ะกับนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ไม่ได้หมายถึงความเชื่อทางการเมืองของตนจะเปลี่ยนแปลงไปอยู่กับอีกฝ่าย ที่มาสังสรรค์งานวันเกิดนายประสาร มฤคพิทักษ์ ครบรอบ 72 ปี

ทั้งนี้ การต่อสู้ของตนตั้งแต่อดีตและปัจจุบัน กล้ายืนยันได้ว่า ไม่มีความขัดแย้งเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เป็นความเชื่อทางการเมืองที่แตกต่างกันเท่านั้น และความเชื่อที่แตกต่างกันนั้น ในทางส่วนตัวของชีวิตมนุษย์แล้ว ไม่จำเป็นต้องจมอยู่กับความชิงชัง พกแต่ความคับแค้นของกันและกันเสมอไป

"รูปภาพปรากฎว่อนเน็ตนั้น ผมไปร่วมงานที่หลังช่วง 2 ทุ่มกว่า และรู้ว่านายอานันท์ อยู่ในงานก่อนแล้ว ผมรู้จักนายอานันท์ ตั้งแต่การทำรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งผมร่วมในฐานะภาคประชาชน โดยนายอานันท์ เป็นประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ห้วงเวลานั้นได้พบและแลกเปลี่ยนกันหลายครั้ง" นายจตุพร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีหลายฝ่ายเข้าไปคุยกับนายอานันท์เช่นกัน เคยมีภาพนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ร่วมทั้งมีภาพ รมว.ศึกษาธิการ กับภรรยา แกนนำ กปปส. ก็เคยไปพบพูดคุยกับนายอานันท์ เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่จำเป็น เมื่อเจอหน้ากันต้องแสดงความวิวาทใส่กัน

ประธาน นปช. กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวรู้มีคนมาถ่ายภาพ เป็นศิลปินวงคาราวาน ทั้งที่ในอดีตเคยร่วมต่อสู้ด้วยกันมา แม้ช่วงหลังไปขึ้นเวทีอีกฝ่ายหนึ่งที่แตกต่างทางความเชื่อทางการเมือง เมื่อเจอกันในงาน สามารถพูดคุยกันได้ตามปกติ ในฐานะอดีตที่รู้จักกัน โดยไม่มีปัญหาต่อกันไม่เพียงเท่านั้น ในงานบรรจุอัฐิวีรชนพฤษภา 2535 ตนยังเจอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ซึ่งเคยร่วมขบวนการต่อสู้ในปี 2535 ด้วยกัน แต่ในปี 2553 ต้องมาต่อสู้กัน ก็ไม่มีปัญหา เนื่องจากไปร่วมงานในวีรชนปี 2535 ดังนั้น การเจอกันจึงเป็นเรื่องปกติ และมีมารยาททางสังคมต่อกัน

"ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้าเป็นช่วงการต่อสู้ ต่างคนต่างทำหน้าที่ แต่ในปัจจุบันไม่มีใครต้องต่อสู้กัน ผมรู้เวลาต่อสู้ทางการเมืองต้องต่อสู้อย่างไร แต่ในเวทีที่เป็นวิญญูชนก็เจอกันแบบวิญญูชนกันการคุยกับอดีตนายกฯอานันท์นั้น ทำไม ธนาธร กับปิยบุตร ไปคุยได้ แล้วจตุพร ทำไมถึงคุยไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายคุยได้ตามปกติ และนายอานันท์ ก็มีความเป็นตัวตน เอกลักษณ์ของท่าน ส่วนการต่อสู้เป็นแนวทางของใครก็ของคนนั้นอยู่แล้ว องค์กรใคร ก็ของคนนั้นอยู่แล้ว" ประธาน นปช. ระบุ

นายจตุพร กล่าวว่า นายคฑาวุธ ทองไทย หรือ อ.ไข่ วงมาลีฮวนน่า มางานศพบิดาของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยังร่วมร้องเพลงด้วย แม้ทางการเมืองเคยขึ้นเวทีกับฝ่ายหนึ่ง แต่ในด้านชีวิตแล้ว รู้จัก คบกันมายาวนาน แล้วกลับมาร้องเพลงในงาน ที่มีความสำคัญกับชีวิตของอีกคนหนึ่งได้ดังนั้น จึงเห็นว่า มนุษย์อย่าเห็นแก่ตัวกันให้มาก แค่เห็นรูปภาพก็โพสต์แล้ว ต้องแยกแยะระหว่างความเป็นส่วนตัวในเวทีสังคม กับสนามการต่อสู้ออกจากกัน หรือต้องการว่ามนุษย์จะมีสังคมกันไม่ได้ ต่อไปนี้งานสำคัญคงไปไหนกันไม่ได้

"ผมอยากจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องของการเห็นพ้องต้องกัน แต่เป็นการพูดคุยกันที่ห้วงเวลาหนึ่งเคยรู้จักกัน เคยทำหน้าที่ร่วมกัน แต่อีกช่วงเวลาหนึ่งต่างกันแยกย้ายไปทำตามความเชื่อของตัวเอง และผมไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวกับใคร ผมปฏิบัติอย่างนี้มาตลอด แต่พวกนายฟอร์ด มาหาเศษหาเลยใช้ไม่ได้เลย" ประธาน นปช. กล่าว

อย่างไรก็ตาม ต้องแยกแยะในงานสังคม เพราะสารพัดงานนั้น ต้องไปเจอกับคนที่มีความคิดแตกต่างกัน บางคนอีกซีกหนึ่งมาร่วมงานศพฝ่ายเห็นต่าง ก็ต้องให้ความต้อนรับเป็นปกติ ขณะเดียวกันงานศพอีกฝ่ายหนึ่ง ส่วนตัวก็ไปเช่นกัน เพราะก่อนหน้าที่จะมีความคิดเห็นแตกต่างกันนั้น ได้รู้จักกันในสิ่งที่ดีงามกันมาก่อน ส่วนสิ่งที่ต่างกัน ไม่คุยกัน ก็ว่ากันตามเชื่อกัน

"เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาว นิสิต นักศึกษาเลย ถ้ามีความขัดแย้งกันแล้ว คงเป็นเรื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้น ซึ่งยังดำรงอยู่ แต่ไม่ใช่ความขัดแย้งในปัจจุบัน ส่วนปัจจุบัน ผมได้แสดงความคิดเห็นสนับสนุนข้อเรียกร้องไปครบถ้วนอยู่แล้ว ดังนั้น ภาพถ่ายที่ปรากฎนั้น หลากหลายเรื่องราว อย่ามาหาเศษหาเลยกัน" นายจตุพร กล่าว

ขณะเดียวกัน อยากย้ำว่า แค่ภาพถ่ายนั้น คิดว่าตนจะไปเจรจากับสถานการณ์ปัจจุบันให้ใคร ซึ่งรูปนั่งสังสรรค์ในงาน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการต่อสู้ในปัจจุบันนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องของคนหนุ่มสาวที่ต้องไปต่อสู้กัน ส่วนตัวมีจุดยืนของตัวเองอยู่แล้ว ส่วนนายฟอร์ด ไม่ต้องมายุ่ง เพราะรำคาญ ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ กันอยู่แล้ว

นอกจากนี้ การมีอารมณ์ ความรู้สึกตามมนุษย์นั้น ควรมีความคิดอ่านกันบ้าง หากไปพูดคุยกับใครไม่ได้ และต้องเป็นปัญหากันแล้ว ทำไมคนอื่นทำได้ ซึ่งส่วนตัวจะบอกว่า การพูดคุยนั้นเป็นมารยาททางสังคม แต่ถ้าการต่อสู้ตามอุดมการณ์เปลี่ยนแปลงไป มาวิพากษ์วิจารณ์กันได้อีกทั้ง ในอดีตตนประกาศมาแล้วว่า ไม่มีเรื่องส่วนตัวกับใคร

ส่วนเรื่องแตกต่างกันทางหลักการ อุดมคติ จึงต่อสู้กัน และไม่โกรธใครเป็นการส่วนตัว ไม่เคยพกความคับแค้น ตลอดจนการต่อสู้ทางการเมืองนั้น ไม่ว่าเป็นฝ่ายไหนก็ตาม ไม่ควรมีใครต้องบาดเจ็บ ล้มตาย หรือติดคุกกันสักคนเดียว ต้องมีพื้นที่ความเป็นมนุษย์ดังนั้น การต่อสู้ใดก็ตาม ต้องมีการรักษาพื้นที่ความเป็นมนุษย์กันบ้าง นักต่อสู้แม้มีบาดแผลเป็นเรื่องปกติ แต่ที่สำคัญสุด คือ การพูดคุยไม่เกี่ยวทางการเมือง จึงควรเป็นเรื่องปกติ

"ถึงที่สุดแล้ว เกี่ยวกับรูปภาพนั้น ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เนื้อหาคุยกันก็มีแค่นี้ และผมก็เป็นของผมแบบนี้ ปากกับใจตรงกัน เมื่อคนอื่นพูดได้ แล้วทำไมนายจตุพรคุยไม่ได้ คุณเป็นพ่อผมหรือไง" นายจตุพร กล่าว

logoline