svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ศุภชัย" ปัดถูกนายกฯทาบนั่งขุนคลังคนใหม่

10 กันยายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ศุภชัย พานิชภักดิ์" ปัดนายกรัฐมนตรีทาบนั่งขุนคลังคนใหม่ ชี้อยู่ที่รัฐบาลพิจารณา ย้ำเศรษฐกิจไทยต้องใช้ระยะเวลาฟื้นตัว เชื่อดีขึ้นในไตรมาส 3-4 ขอการชุมนุมสร้างสรรค์และหาทางออกร่วมกัน

(10 กันยายน 2563) นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) และ ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ กล่าวยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการทาบทามให้เป็นรมว.คลังคนใหม่ ส่วนจำเป็นต้องรีบแต่งตั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะพิจารณา เพราะโครงการใหญ่ยังสามารถเดินไปได้ โดยต้องใช้งบประมาณให้ตรงเป้าหมายมากที่สุด ซึ่งเห็นว่ารัฐบาลใช้จ่ายงบอย่างระมัดระวังมากที่สุดแล้ว อีกทั้ง เชื่อว่าการใช้งบตรงเป้าหมาย จะช่วยสร้างโอกาสให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น และคาดว่าในต้นปีหน้า สถานการณ์จะดีขึ้น ไม่เลวร้ายเท่าที่คาดการณ์ไว้ และเชื่อว่านายกฯจะพิจารณาอย่างดีที่สุด

ส่วนแนวทางการฟื้นฟูวิกฤติเศรษฐกิจหลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 นั้น ไทยถือเป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย ที่บริหารจัดการได้ดีระดับหนึ่ง ถึงแม้จะมีการกลับมาระบาดอีกรอบ ก็เชื่อว่าจะสามารถควบคุมได้ อีกทั้ง ยังได้รับความไว้วางใจมีการขยายตัวด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุน และผู้บริโภคได้ดีกว่าที่อื่นอย่างแน่นอน โดยทุกประเทศต้องร่วมมือกันจึงจะสำเร็จ ในด้านการป้องกันและควบคุมโรค รวมไปถึงการผลิตวัคซีนด้วย ซึ่งสถานการณ์ในไทยถือว่าดีกว่าประเทศอื่น เพราะประชาชนให้ความสำคัญกับการป้องกันตัวเอง และทุกฝ่ายให้การสนับสนุน

"ผมมองว่าขณะนี้ยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ เพราะทั่วโลกประสบปัญหา และในระหว่างนี้ต้องหล่อเลี้ยงภาคธุรกิจ ทั้งรายใหญ่รายย่อยและประชาชน ให้สามารถเดินหน้าได้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้"อดีตผู้อำนวยการใหญ่ WTO กล่าว


ส่วนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 3-4 ถือว่าหดตัวน้อยลง และตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสูงกว่าที่ผ่านมาทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า เศรษฐกิจไทยจะเดินหน้าไปด้วยดี แต่จำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ซึ่งต้องเป็นการทำงานที่ไม่ได้รอวัคซีนเท่านั้น และวางเป้าหมายหล่อเลี้ยง ไม่ให้สูญเสียมากกว่านี้ โดยเฉพาะการดูแลผู้ที่อยู่นอกระบบ เช่น แรงงาน คนชรา และผู้พิการ ที่ไม่ได้จดทะเบียนไว้กว่า 10 ล้านคน

ส่วนการชุมนุมจะกระทบภาคเศรษฐกิจหรือไม่นั้น มองว่าสถานการณ์ขณะนี้ไม่มีที่ใดในโลก ที่ไม่มีการประท้วง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งการประท้วงถือเป็นธรรมชาติ ที่ผู้เดือดร้อนต้องการแสดงออก และมีข้อเรียกร้องต่างๆ และทางออก คือ ต้องเปิดโอกาสให้มีการแสดงออกอย่างเต็มที่ แต่ขอให้เป็นรูปแบบสร้างสรรค์ ซึ่งส่วนตัวมองว่าการโจมตีกันเป็นเรื่องง่าย แต่จะให้ดีขึ้นต้องหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน เพราะเวลานี้ทุกคนถูกกดดันกันหมด

logoline