(9 กันยายน 2563) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวยอมรับว่า บรรยากาศในสภาผู้แทนราษฎร ต่างจากที่เคยดูในโทรทัศน์เป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่มีการอภิปรายถึงโรงไฟฟ้าชุมชนนั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกี่ยวข้องกับเกษตรกร ซึ่งกระทรวงพลังงานตั้งใจดำเนินการเรื่องนี้มาตลอด แต่ต้องหารูปแบบธุรกิจเหมาะสมที่เกษตรกรต้องได้ประโยชน์อย่างแท้จริง จึงต้องมีการนำร่องบางพื้นที่ในลักษณะต้นแบบก่อน
สำหรับแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใต้ ศบศ. ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าประเทศไทยได้รับการยอมรับเป็นประเทศที่มีความสามารถในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ซึ่งได้รับความร่วมมือจากคนไทยทุกคน และเชื่อว่าหากประเทศอื่นมีการประชุมสภาฯเช่นนี้ ประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงการประสบความสำเร็จแน่นอน
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ย่อมถดถอยเป็นธรรมดา แต่เมื่อผ่อนคลายเป็นระยะ รวมกัน 6 ระยะ จะพบว่ามีสัญญาณดีขึ้นเรื่อยๆติดต่อกัน 3 เดือน ล่าสุดสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของญี่ปุ่น ยืนยันไทยยังมีเสถียรภาพทางการเงินที่ดี สำหรับความเป็นห่วงของหลายคนในเรื่องไทยจะถังแตกนั้น มั่นใจได้ว่าไม่ถังแตก ยังมีเงินคงคลังมากกว่า 2 แสนล้านบาท และภายหลังเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาในการยื่นภาษีแล้ว จะมีรายได้เข้ามาอีกมาก ที่จะทำให้เงินคงคลังมีจำนวนมากขึ้น
"ขอให้ความมั่นใจว่าจีดีพีไทยเป็นอันดับสองของอาเซียน ยังทิ้งห่างอีกหลายประเทศ ภารกิจของเรายังไม่จบ ความสำเร็จยังไม่เกิดจนกว่าโควิดจะจบลง ยังมีภารกิจต้องพื้นฟูประเทศไทยต่อไป เพราะมีผู้ประกอบการยังเดือดร้อนอยู่จำนวนมาก เป็นภารกิจที่ศบศ.จะเข้ามาดำเนินการ นายกฯมีห่วงใยในความเป็นอยู่ของประชาชน อยากให้เร่งการฟื้นฟูเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเมื่อโควิดสิ้นสุดลง เน้นการจ้างแรงงานคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังของชาติในอนาคต" นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว