svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"บิ๊กตู่"ย้ำใช้งบกลางต้องทำโครงการชัดเจน

09 กันยายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"นายกรัฐมนตรี" แจงเศรษฐกิจเป็นปัญหาที่ทั่วโลกเผชิญไม่ใช่เฉพาะไทย ย้ำการใช้จ่ายงบกลางต้องมีแผนงานโครงการชัดเจน และผ่านการตรวจสอบ และมติจากคณะรัฐมนตรี .

(9 กันยายน 2563) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยได้ย้ำเชิญมหาเศรษฐีในประเทศไทย ให้มาร่วมช่วยเหลือประเทศไทย โดยเฉพาะลูกจ้างและประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และยืนยันไม่มีการร้องขอผลประโยชน์ระหว่างกันทั้งสิ้น

ทั้งนี้ นายกฯชี้แจงอย่างชัดเจนถึงหมวดค่าใช้จ่ายงบประมาณปี 2563 หรืองบกลาง จำนวนประมาณ 5 6 แสนล้านบาทนั้น ประกอบด้วย 1.เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยมาก 2.ค่าใช้จ่ายเงินชดใช้เงินทดลองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 3.ค่าใช้จ่ายโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 4.ค่าใช้ในการรักษาพยาบาลข้าราชการ ลูกจ้าง และพนังงานของรัฐ

5.เงินชดเชยค่างานก่อสร้าง 6.เงินช่วยเหลือข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานของรัฐ 7.เงินเบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ 8.เงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ 9.เงินสมทบของลูกจ้างประจำ 10.เงินสำรองเงินสมทบและเงินชดเชยของข้าราชการ และ 11. เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินที่จำเป็น มีวงเงินเพียง 96,000 ล้านบาทเท่านั้น และในวงเงินดังกล่าวทุกอย่างต้องได้รับการตรวจสอบและเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อน และต้องมีแผนงานโครงการที่ชัดเจน

นอกจากนี้ นายกฯ ชี้แจงว่า ขออย่านำเงินทุกอย่างมาปนกัน โดยเงินที่กู้มาทั้งหมดจริงๆ คือ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน ทุกอย่าง ส่วนเงิน 9 แสนล้านบาทเป็นเงินในประเทศที่สมาคมธนาคารร่วมมือกันเพื่อนำเงินดังกล่าวมาบริหารตรงนี้ โดยเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท นำไปใช้จ่ายตามกรอบที่ว่างไว้ ได้แก่ 1.เงิน 45,000 ล้านบาทใช้เรื่องด้านสาธารณสุข การแก้ปัญหาโควิด-19 การเตรียมการรับมือการระบาดของโควิด-19 รอบที่ 2 งบวิจัยและพัฒนาที่จำเป็นต้องร่วมมือกับต่างประเทศเรื่องวัคซีนซึ่งได้ร่วมมือกับต่างประเทศในหลายมิติ โดยระยะแรกไทยต้องการวัคซีน 20 ล้านโดส รวมถึงบางส่วนก็นำไปดูแลอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ด้วย ขณะนี้ได้ใช้จ่ายเงินดังกล่าวไปน้อยมาก

2.เงิน 550,000 ล้านบาท ซึ่งสมาชิกฯ ระบุว่าทำไมไม่จ่ายเงินคนละ 5,000 บาท 12 เดือน จากคนทั้งหมดประมาณ 33 ล้านคน นายกฯ แจงว่าหากทำเช่นนั้นจะได้ต้องใช้เงินถึง 1,980,000 ล้านบาท แต่ระยะเวลา 3 เดือน รัฐบาลใช้เงินดังกล่าวอยู่ในกรอบไปเพียง 550,000 ล้านบาทเท่านั้น และเหลืออีกจำนวนหนึ่งที่จะต้องจ่ายให้กับคนที่ยังไม่ได้ซึ่งก็จะทยอยดำเนินการต่อไป และ 3.งบประมาณใช้จ่ายในการฟื้นฟู จำนวน 400,000 ล้านบาท ซึ่งอีกหลายอย่างที่จะต้องแก้ไข ทั้งเรื่องของการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ผู้ประกอบการรายน้อย ผู้ประการที่ไม่ได้ทำธุรกรรมผ่านธนาคาร รัฐบาลกำลังพิจารณามาตรการอยู่ ทุกอย่างมีการคิดอย่างรอบคอบอย่างไรก็ตาม นายกฯ ยังชี้ให้เห็นตัวเลขของประเทศคู่ค้าสำคัญของประเทศไทย ได้แก่ จีนขยายตัวร้อยละ 3.2 จากตัวเลขประมาณ 10.2 ลดลงมาจากก่อนหน้า -6.8 เวียดนามขยายตัวเหลือร้อยละ 0.36 สหราชอาณาจักร หดตัวที่ร้อยละ -21.7 มาเลเซีย หดตัวร้อยละ 17.1 สิงคโปร์ หดตัวร้อยละ 13.2 อินโดนีเซีย หดตัวร้อยละ 5.3 ยูโรโซน ลดลงติดลบถึง 15% สหรัฐอเมริกา หดตัว 9.5 ในช่วงเดียวกันของปีก่อนขณะที่ ญี่ปุ่นไตรมาสที่ 2 ปี 63 หดตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ร้อยละ 9.9 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนของปีที่แล้วซึ่งหดตัวเพียงแค่ -1.8 สถานการณ์เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่ต้องเผชิญหน้ากันทั่วโลก ขณะที่ไทยมีศักยภาพโดยเฉพาะเรื่องพืชเกษตรและพันธ์ข้าว ซึ่งรัฐบาลกำลังสนับสนุนการเกษตรสมัยใหม่ให้ข้าวไทยสามารถแข่งขันได้ และขอยืนยันรัฐบาลพยายามประคับประคองเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างเต็มที่เพื่อให้ฟื้นฟู และให้มีการจ้างงาน ป้องกันการเลิกจ้างงาน ยืนยันใช้เงินงบประมาณเป็นไปตามหลักการที่กำหนด รัฐบาลมีที่ปรึกษาและคณะทำงานที่มีความรู้ความสามารถที่จะทำงานไปสู่การปฏิบัติ

logoline