(8 กันยายน 2563) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ขอให้ความมั่นใจกับประชาชนในเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งวิธีป้องกัน คือ ใส่หน้ากากอนามัย ที่ป้องกันได้เกือบทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาก็มีการลดการแพร่ระบาดได้จำนวนมากส่วนสถานการณ์โควิด-19 แม้จะไม่มีวัคซีน ก็ต้องยอมรับว่าสาธารณสุขของไทย มีพื้นฐานการควบคุม เฝ้าระวังที่ดี และมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งหากมีการติดเชื้อก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอะไร และมีปริมาณที่น้อยไม่ใช่ว่าเจอการติดเชื้อเพียงเล็กน้อยจะล็อกดาวน์ประเทศทันที
ทั้งนี้ ยืนยันว่า โอกาสแพร่เชื้อในประเทศมีน้อยที่สุด แต่ประเทศไทยมีพรมแดนที่ยาวมาก ซึ่งต้องมีการเฝ้าระวัง อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จึงเข้ามามีบทบาทสอดส่องดูแล ส่วนการลักลอบเข้าประเทศของแรงงานเมียนมาในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งสิ่งที่เน้นย้ำมาตลอดว่าประเทศไทยไม่ได้ต้องหยุดทุกอย่าง เพื่อรักษาสถิติตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นศูนย์เอาไว้ แต่ต้องปรับตัวเพื่ออยู่กับโรคให้ได้
"ผมยืนยันว่า อสม.และโรงพยาบาลในพื้นที่ต่างจังหวัด มีความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ และยืนยันว่า การขาดแคลนเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ในประเทศไม่เป็นความจริง หากมีมาตรฐานการควบคุมโรคที่ดี โรคโควิด-19 ก็ไม่ต่างกับโรคระบาดทั่วไป และขอให้ทุกคนกลั่นกรองข้อมูล จากสื่อโซเชียลมีเดียที่มีทั้งความจริงและไม่จริง" นายอนุทิน กล่าว
ส่วนกรณีที่แพทย์ออกมาแถลงเป็นห่วงสถานการณ์ตามแนวชายแดนนั้น ส่วนตัวขอให้ตั้งการ์ดสูงเข้าไว้ โดยการเฝ้าระวังร่วมกันแต่ขออย่าลืมว่า ก่อนเข้าไทยไม่ว่าจะทางใด ต้องมีการกักตัว หรือ state quarantine เป็นเวลา 14 วัน ตามประกาศของ ศบค. ส่วนการปะทุของเชื้อ ก็จะเกิดขึ้นในระยะนี้ด้วย ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงทหารและตำรวจก็ปิดล้อมการเข้าเมืองอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนอย่าอำนวยความสะดวกให้เกิดการลักลอบเข้าเมือง เพราะไม่ใช่แค่เพียงการทำลายประเทศ แต่เป็นการทำผิดตามกฎหมายอาญาด้วย ขอเอาประเทศไทยให้ปลอดภัย และรักประชาชนเพื่อนร่วมชาติให้มากๆ อย่าเห็นแก่สินบนจ้างเล็กน้อยเพราะจะทำให้เกิดความเสียหายมหาศาล
สำหรับกรณีผู้ติดเชื้อในประเทศที่ประกอบอาชีพดีเจ ต้องโทษยาเสพติด และตรวจพบเชื้อขณะกักตัวก่อนเข้ากรมราชทัณฑ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น นายอนุทิน ระบุว่า สถานที่ทำงานของบุคคลดังกล่าว มีต่างชาติเป็นจำนวนมาก และต้องไปดูต้นตอของโรคว่ามาจากไหน และมีคนติดเชื้อเพิ่มหรือไม่ เพื่อเข้าไปควบคุมโรคนายอนุทิน กล่าวยอมรับว่า มีกลุ่มเสี่ยงกว่า 500-600 คน แต่ตรวจไม่พบเชื้อและอีก 10 วันข้างหน้า จะมีการตรวจสอบซ้ำเพื่อให้เกิดความมั่นใจเพิ่มขึ้น และยังไม่มีการทบทวนการปิดผับบาร์ แต่ขอให้ทุกคนร่วมมือไม่ดื่มเหล้าร่วมกันเพื่อกันทางจิตใจ และศบค. มีการประชุมอย่างต่อเนื่อง โดยบางเรื่องแบ่งตามลำดับขั้น เช่น ผู้ว่าการจังหวัดออกประกาศเพิ่มเติมปิดผับบาร์ที่ไม่ทำตามกฎอย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ไม่มีการติดเชื้อระหว่างคนไทยด้วยกัน แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัยจนกว่าจะมีวัคซีน พร้อมกับมองว่าผู้ว่าฯ กทม. ต้องทบทวนมาตราการผับบาร์ไม่ให้วัวหายล้อมคอก โดยรัฐบาลเป็นผู้ผ่อนคลายมาตรการไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน แต่ผู้ประกอบการต้องให้ความร่วมมือ ดำเนินการให้เข้มข้นเพราะล็อกดาวน์ไม่ใช่ทางออกอีกต่อไป