ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้รับเวลาทั้งสิ้น 310นาที มีส.ส.อภิปราย 11-12 คนอภิปรายในสาระสำคัญ 3 ประเด็น1.วิกฤติเศรษฐกิจภาพรวมซึ่งรัฐบาลล้มเหลวทางด้านแก้ไข รวมถึงมีความเสี่ยงต่อการทุจริตในภาระงานด้านต่างๆ2.ปัญหาระดับเจาะลึก เช่น ปัญหาสินค้าเกษตร แต่ละด้านและ 3.วิกฤติทางการเมือง
"การอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน พุ่งเป้าไปที่นายกรัฐมนตรีโดยตรงโดยในภาพสรุปของการอภิปราย ฝ่ายค้านจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งนายกฯเพื่อปลกล็อคปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด" นพ.ชลน่าน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอดังกล่าวไม่สุดโต่งเกินไปเพราะทำได้ตามรัฐธรรมนูญ เมื่อนายกฯ ลาออก เท่ากับว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) พ้นไป และต้องเลือกนายกฯและรัฐมนตรีคณะใหม่ ซึ่งกระทำได้ภายใต้การประชุมรัฐสภา
ทั้งนี้ เมื่อมีการเสนอชื่อบุคคลที่อยู่ในบัญชีบุคคลที่พรรคเสนอให้รัฐสภาเลือกเป็นนายกฯหรือหากไม่มีบุคคลในบัญชีสามารถขอเสียงจากรัฐสภาเพื่องดเว้นได้ซึ่งไม่เหมือนกับการเคลื่อนไหวนอกสภาฯ
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะใช้วิธียุบสภา เพื่อให้เลือกตั้งใหม่ เพราะผลที่ได้ไม่คุ้มกับการเลือกตั้ง เนื่องจากหากเลือกตั้งภายใต้กติกาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จะได้คนเดิมเข้าสู่สภาฯส่วนนายกฯจะลาออกตามข้อเสนอหรือไม่นั้น อยู่ที่มโนธรรมของพล.อ.ประยุทธ์
อย่างไรก็ตาม หากนายกฯ ที่พรรคฝ่ายค้านมองว่าเป็นตัวปัญหา ไม่ลาออก เท่ากับว่าประเทศไม่ปลดล็อกการแก้ปัญหา ส่วนบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำการบริหารประเทศ คือ คนที่มีความรู้ความสามารถและได้รับการยอมรับในเชิงระบบ รวมถึงมีความเป็นกลาง ซึ่งข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่การให้เกิดรัฐบาลแห่งชาติ