เอาให้จม! "ยุทธพงศ์" เตรียมเปิดหลักฐานเด็ดปมเรือดำน้ำ

(5 กันยายน 2563) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคพท. แถลงข่าวกรณีกองทัพเรือ (ทร.) แจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาททำให้กองทัพเรือเสียหาย ว่า ต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็น ตนไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นกองทัพเรือ หรือ ทำลายชื่อเสียงของกองทัพเรือ และขอให้แยกกันระหว่าง องค์กร กับ ตัวบุคคล แต่สิ่งที่ตนออกมาตรวจสอบในฐานะที่เป็น ส.ส. และ กมธ.งบประมาณ ตนกำลังตรวจสอบบุคลากรบางคนที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเรือดำน้ำ โดยเฉพาะ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. และ พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการและโฆษก ทร.
"ตนคิดว่าเรื่องนี้จะจบไปแล้ว หลังกองทัพเรือยอมถอย ชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำ และส่งหนังสือถึงประธานกรรมาธิการงบประมาณ 64 แต่ไม่คิดว่า ผบ.ทร.จะไปแจ้งความดำเนินคดี จึงจำเป็นต้องลุกขึ้นต่อสู้กับ ผบ.ทร. ที่มาหาเรื่องก่อน เมื่อคุณไม่เลิก ผมก็ไม่เลิก ต้องพิสูจน์กันว่าสัญญาจัดซื้อใครของจริง ใครของเก๊" นายยุทธพงศ์ กล่าว

นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า ตนเรียกร้อง พล.อ.ประวิตร และ ผบ.ทร. ให้นำเอกสารหนังสือมอบอำนาจจากรัฐบาลหรือฟูลส์ พาวเวอร์ มาแสดงรอบที่ 6 แล้ว และในวันที่ 9 ก.ย. นี้ จะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนเองจะนำหลักฐานเด็ดไปแฉ ว่าบริษัท China Shipbuilding & Offshore International (csoc) ไม่ใช่รัฐบาลจีนแต่เป็นบริษัทเอกชน และหากมีการเปิดหลักฐานไปแล้ว จะทำให้เรือดำน้ำลำแรกเกิดปัญหา และไม่ได้ซื้อลำที่ 2 และ 3 ต่อ อย่างแน่นอน พร้อมกันนี้จะยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบ ว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นจีทูจีหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับ ผบ.ทร. พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ซึ่งตนในฐานะ ส.ส.และกรรมาธิการงบประมาณ ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบว่าการจัดซื้อจัดจ้างเป็นจีทูจีจริงหรือไม่ โดยได้นำคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง ของกทม. มาเทียบจึงพบความผิดปกติในสัญญา ที่ต้องเป็นการทำสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนตลอดเส้นทาง แต่กลับพบว่า บริษัทที่เซ็นสัญญากับกองทัพเรือ เป็นบริษัทเอกชน ไม่ใช่รัฐบาลจีน อีกทั้งการชำระเงิน จะต้องเป็นการชำระ ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน ไม่ใช่จ่ายกับองค์กร หรือบริษัทเอกชน ดังนั้นการลงนามดังกล่าวจึงอาจจะไม่เป็นสัญญาจีทูจี

นายยุทธพงศ์ ยืนยันว่า การตรวจสอบ ทำด้วยความบริสุทธ์ใจ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ และใช้เงินภาษีของประชาชนให้คุ้มค่าตามรัฐธรรมนูญ ม.75 ว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขหรือไม่ รวมทั้งรัฐธรรมนูญ ม.62 ที่กำหนดเรื่องการใช้เงินภาษีอย่างเป็นธรรม ดังนั้นย้ำการคัดค้านการจัดซื้อเรือดำน้ำ เป็นเรื่องส่วนรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว กับ ผบ.ทร. หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมที่เห็นชอบการจัดซื้อเรือดำน้ำลำแรก ทั้งนี้ หาก ผบ.ทร.มั่นใจ ขอท้าให้มาดีเบตออกทีวีกับตนเองก่อนเกษียณอายุราชการ เพื่อพิสูจน์ความจริงว่าเป็นการจัดซื้อจีทูจีจริงหรือไม่ พร้อมระบุว่าตนเองพร้อมสู้ถึงที่สุด จะตามเรื่องไปจนถึงประเทศจีน หากตนเองผิดก็พร้อมติดคุกกับเรื่องนี้ เพราะเป็นการต่อสู้เพื่อประชาชน ซึ่งต้องแลกกันคนละหมัด