ผู้นำรัฐบาลอิสราเอลออกมาพูดเรื่องนี้เมื่อวาน ก่อนที่ในวันนี้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะยุติการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับอิสราเอลอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เมื่อเร็ว ๆ นี้อิสราเอลและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ตกลงที่จะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตขั้นปกติระหว่างกัน ซึ่งจะทำให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กลายเป็นชาติอาหรับชาติที่ 3 รองจากอียิปต์ และจอร์แดน ที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล
ในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ โรเบิร์ต โอเบรียน และ ที่ปรึกษาอาวุโสทำเนียบขาว จาเหล็ด คุชเนอร์ ที่มาเยือนอิสราเอล นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ไม่ได้แจกแจงว่าที่กำลังมีการติดต่อพูดคุยกันอยู่มีประเทศใดบ้าง แต่บอกว่าตอนนี้ชาติอาหรับกำลังเรียงแถวกันเพื่อมาเป็นมิตรกับประเทศของเขา
ด้านนายคุชเนอร์ ซึ่งเป็นลูกเขยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็พูดแบบเดียวกับผู้นำรัฐบาลอิสราเอลว่า ตอนนี้มีการตั้งเวทีให้ชาติอาหรับต่าง ๆ ดำเนินรอยตามแล้ว และเรื่องนี้จะสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจความมั่นคง และศาสนา แบบที่แต่ก่อน ไม่สามารถคิดกันได้
การที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หันมาจับมือเป็นมิตรกับอิสราเอล สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้กับฝ่ายปาเลสไตน์ที่ถูกอิสราเอลยึดดินแดนอยู่ และกระบวนการสันติภาพก็ไม่มีความคืบหน้า พวกเขามองว่า ปาเลสไตน์ถูกสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หักหลัง เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่เนทันยาฮูก็บอกว่า ถ้าอิสราเอลต้องมารอจัดการกับปัญหาปาเลสไตน์ให้สำเร็จลุล่วงไปก่อน ก็คงจะต้องรอกันไปตลอดกาล แต่ตอนนี้ จะไม่มีการรออีกต่อไปแล้ว
เรื่องนี้มีขึ้นหลังชี๊คคาลิฟา บิน ซาเอ็ด อัล นาห์ยาน ประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ลงนามในกฤษฎีกายกเลิกกฏหมายปี 2515 ที่ห้ามการติดต่อใด ๆ กับอิสราเอล หลังจากที่มีการลงนามในข้อตกลงสถาปนาความสัมพันธ์ขั้นปกติ ที่สหรัฐเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยกันไปเมื่อช่วงกลางเดือน
และแม้ว่าจะถูกตำหนิ แต่สหรัฐเอมิเรตส์ ก็มีแผนจะเดินหน้าตามแนวทางใหม่ที่พวกเขาได้เลือกไปแล้ว โดยวันนี้ เที่ยวบินตรงเที่ยวแรกระหว่าง 2 ประเทศ จะพาตัวแทนสหรัฐและอิสราเอล ที่นำโดยคุชเนอร์ และที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอล แมร์ เบน ชับบัต ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขณะที่ตัวแทนกระทรวงกลาโหมอิสราเอลก็เตรียมเดินทางไปที่นั่นเช่นกันในเร็ว ๆ นี้