เกาหลีใต้ปิดสภาหลังช่างภาพข่าวติดโควิด-19
เกาหลีใต้ปิดอาคารรัฐสภาหนึ่งวันเพื่อทำการฆ่าเชื้อในวันนี้ หลังจากช่างภาพข่าวคนหนึ่งติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นการติดเชื้อรายแรกภายในสภา ขณะที่ยอดผู้ป่วยรายใหม่พุ่งถึง 441 คนทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือน
อาคารหลัก 3 อาคารของรัฐสภาในกรุงโซลต้องปิดทำการชั่วคราวในวันนี้เพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อและการสอบสวนโรค ทำให้การประชุมของคณะกรรมาธิการสภา 9 ชุดและการประชุมของพรรคการเมือง 2 พรรคที่จะจัดขึ้นในวันนี้ต้องระงับไว้ก่อน
มาตรการนี้มีขึ้นหลังจากช่างภาพข่าวคนหนึ่งได้รับการยืนยันติดเชื้อโควิด-19 เมื่อเย็นวันพุธ หลังจากเขาเพิ่งบันทึกภาพการประชุมผู้บริหารพรรคประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในวันเดียวกัน เขาเข้ารับการตรวจหาเชื้อหลังจากทราบว่าญาติคนหนึ่งที่เขารับประทานอาหารด้วยเมื่อวันเสาร์ที่แล้วติดเชื้อโควิด-19 และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีผู้สัมผัสใกล้ชิดกับเขาโดยตรงและโดยอ้อมอีกกว่า 50 คน ซึ่งรวมถึงรองประธานพรรค, ส.ส.คนหนึ่ง สมาชิกพรรคอีก 30 คน และเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมการประชุม แกนนำพรรคหลายคนเริ่มกักตัวเองเพื่อเฝ้าระวังแล้ว และบางคนอาจต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อ ส่วนประธานสภาผู้แทนราษฎรก็กักตัวเองในบ้านแล้วเช่นกัน
ช่างภาพข่าวรายนี้เป็นผู้ติดเชื้อยืนยันรายแรกภายในอาคารรัฐสภา หลังจากเมื่อปลายเดือนก.พ. มีบุคคลภายนอกที่ได้รับเชิญมาร่วมงานในรัฐสภาติดเชื้อโควิด-19 ทำให้อาคารหลักของสภาต้องปิดชั่วคราวนานกว่า 40 ชม.
ส่วนสถานการณ์ระบาดระลอกสองภายในประเทศขณะนี้ที่มีศูนย์กลางอยู่ในกรุงโซลและพื้นที่ปริมณฑล พบว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศสูงถึง 441 คนในวันนี้ โดย 434 คนเป็นการติดเชื้อภายในท้องถิ่น และยอดผู้ติดเชื้อสะสมล่าสุดเพิ่มเป็น 18,706 คน และมีผู้เสียชีวิตสะสม 313 ราย จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้เป็นรองจากสถิติสูงสุด 483 คนเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ในช่วงการระบาดแบบกลุ่มก้อนในเมืองแทกูและจังหวัดคย็องซังเหนือที่มีต้นตอจากโบสถ์ลัทธิชินชอนจิ
และในช่วงกว่า 2 สัปดาห์นี้มีผู้ติดเชื้อรวมกว่า 3,800 คน ซึ่ง 933 คนเชื่อมโยงกับโบสถ์ซารัง เชอิลในกรุงโซล และอีก 219 คนเชื่อมโยงกับการชุมนุมประท้วงในวันที่ 15 ส.ค.
ขณะที่รัฐบาลเผชิญเสียงเรียกร้องมากขึ้นให้ยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมสู่ระดับ 3 ที่เป็นระดับสูงสุด ซึ่งจะทำให้ธุรกิจอีกจำนวนมากต้องปิดทำการห้ามการรวมตัวเกิน 10 คน หยุดจัดงานกีฬาทุกชนิด สถานที่สาธารณะต้องปิดบริการประชาชนควรทำงานที่บ้าน และโรงเรียนปรับการสอนเป็นออนไลน์มากขึ้น