ขณะนี้ประเทศ ซึ่งเคยเป็นต้นแบบการต่อสู้กับโควิด-19 กำลังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นหลักร้อยติดกันเป็นวันที่ 12 โดยมีจำนวน 280 คนในวันนี้ ทำให้ยอดสะสมช่วง 12 วันเพิ่มเป็น 3,175 คน ขณะที่ยอดสะสมทั่วประเทศนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดในเดือนมี.ค.เพิ่มเป็น 17,945 คน และผู้เสียชีวิตสะสม 310 ราย แต่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่ำกว่า 300 คนเป็นวันที่ 2 หลังจากพุ่งขึ้นถึง 397 คนเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.
ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในทั้ง 17 เมืองและจังหวัดทั่วประเทศแล้ว และกำลังเข้าใกล้สถานการณ์ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ
นอกจากนี้จากข้อมูลล่าสุด บ่งชี้ว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ไม่ทราบเส้นทางการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นกว่า 7 เท่าในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้น่าวิตกยิ่งขึ้นว่าการแพร่ระบาด
จะขยายวงกว้างยิ่งขึ้น ขณะนี้ศูนย์กลางการระบาดอยู่ในกรุงโซลและพื้นที่ปริมณฑล โดยมีต้นตอจากโบสถ์ ซารัง เชอิล ที่เริ่มพบสมาชิกของโบสถ์ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันที่ 12 ส.ค.
จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้รัฐบาลยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นระดับ 2 ครอบคลุมทั่วประเทศเมื่อวันอาทิตย์ แต่เมื่อวานนี้ผู้เชี่ยวชาญและองค์กรทางการแพทย์เรียกร้องให้ปรับขึ้นเป็นระดับ 3 ที่เป็นระดับสูงสุดโดยเร็วที่สุด ขณะที่มีบางเสียงทักท้วงว่าการล็อกดาวน์ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และเก็บไว้ใช้เมื่อเกิดการระบาดระลอกใหญ่กว่าในช่วงฤดูหนาว
ล่าสุดรัฐมนตรีการศึกษาประกาศวันนี้ให้โรงเรียนทั้งหมดในระดับอนุบาล ประถมและมัธยมในกรุงโซล เมืองอินชอน และจังหวัดคย็องกีปรับการเรียนการสอนจากใน
ห้องเรียนเป็นออนไลน์เริ่มตั้งแต่วันพุธนี้จนถึงวันที่ 11 ก.ย. การตัดสินใจนี้มีขึ้นหลังจากมีนักเรียนและครูอย่างน้อย 193 คนติดเชื้อโควิด-19 ในกรุงโซลในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา