อ่วม! เลบานอนคนจนพุ่งพรวดเกินครึ่งประเทศ

คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมเอเชียตะวันตกแห่งสหประชาชาติ (ESCWA) รายงานว่าปัจจุบันประชากรเลบานอนกว่าร้อยละ 55 ตกอยู่ในความยากจนและไม่ได้รับสิ่งของจำเป็นขั้นพื้นฐานที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเพียงพอ โดยสถิตินี้สูงขึ้นเกือบ 2 เท่าจากอัตราในปี 2019 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 28
คณะกรรมาธิการระบุว่า "ความยากจนขั้นรุนแรงในเลบานอนเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า จากร้อยละ 8 ในปี 2019 มาอยู่ที่ร้อยละ 23 ในปี 2020"

สถานการณ์ในเลบานอนย่ำแย่เนื่องจากเกิดเหตุการณ์รุนแรงหลายครั้ง ซึ่งส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ และทำให้อัตราความยากจนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ โดยรายงานบ่งชี้ว่าปัจจุบันจำนวนคนจนในเลบานอนอยู่ที่ 2.7 ล้านคน
"จำนวนคนชั้นกลางลดลงอย่างมาก อยู่ที่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของประชากรทั้งประเทศ ช่วงปีที่ผ่านมากลุ่มคนรวยลดลงเหลือเพียงหนึ่งในสาม จากร้อยละ 15 เหลือร้อยละ 5"
โรลา ดัชตี เลขานุการบริหารของคณะกรรมาธิการฯ ระบุว่าจำเป็นต้องก่อตั้งกองทุนสามัคคีแห่งชาติเพื่อแก้ไขวิกฤตทางมนุษยธรรมและลดช่องว่างความยากจน โดยเลบานอนต้องการแรงสนับสนุนจากผู้บริจาคอย่างเร่งด่วนเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารและสาธารณสุข รวมถึงการคุ้มครองทางสังคมที่กว้างขวางยิ่งขึ้น

ดัชตีเห็นว่าการจะแก้ไขวิกฤตนั้นจำเป็นต้องดำเนินการปฏิรูปการบริหารด้านเศรษฐกิจที่สำคัญจำเป็น จำกัดกิจกรรมที่มีลักษณะแสวงหาผลตอบแทนส่วนเกิน (rent seeking) และยกระดับความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อหน้าที่
"เลบานอนควรมีระบบความรับผิดชอบร่วมกันที่ยุติธรรมและก้าวหน้า ซึ่งมีเจตจำนงทางการเมืองและศักยภาพเชิงสถาบันที่แข็งแกร่งเป็นแรงสนับสนุน เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีความสามัคคีในสังคม" ดัชตีกล่าว
CR: Xinhuathai