บริษัทอเมริกันเล็งหนีจากฮ่องกงหวั่นกฎหมายใหม่จีน

ผลการสำรวจที่จัดทำโดยหอการค้าอเมริกันในฮ่องกง หรือ แอมแชม พบว่า บริษัทเกือบ 39% จากทั้งหมด 154 แห่ง บอกว่า มีแผนย้ายเงินทุน สินทรัพย์ หรือ กิจการออกจากฮ่องกง หลังมีการเปิดเผยรายละเอียดของกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่มากขึ้น ซึ่งตัวเลขสูงขึ้นจาก 35.5% ในการสำรวจเมื่อเดือนก.ค. แต่ 61% ยังไม่มีแผนออกจากฮ่องกง และเมื่อสอบถามในแง่ตัวบุคคล พบว่า 53% กำลังพิจารณาเรื่องย้ายออกจากฮ่องกง แต่ 46% ไม่มีแผนถอนตัวออกจากฮ่องกง

การสำรวจจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 7 -11 ส.ค. โดยจำนวนบริษัทที่ถูกสำรวจคิดเป็นสัดส่วนเพียง 13% ของสมาชิกทั้งหมดในแอมแชม และกว่าครึ่งหนึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐ

บริษัทที่ถูกสำรวจ 35% บอกว่า กำลังทบทวนออกจากฮ่องกง สืบเนื่องจากกรณีสหรัฐเพิ่งประกาศคว่ำบาตรผู้นำฮ่องกงและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮ่องกงและจีนรวม 11 คน หลังจากผ่านกฎหมายว่าด้วยอำนาจปกครองตนเองฮ่องกง และเพิกถอนสถานะพิเศษทางการค้าแก่ฮ่องกง

ขณะที่ผู้ตอบการสำรวจ บอกว่า อยากย้ายเงินทุนออกไปเพราะไม่ไว้ใจว่าทางการฮ่องกงจะสามารถรักษาบูรณภาพของระบบธนาคารและการเงิน แต่บางคนบอกว่าไม่มีที่ไหนในเอเชียแทนที่ฮ่องกงได้ในแง่ สภาพคล่องของดอลลาร์สหรัฐ และตลาดเงินเป็นต้น
และเมื่อสอบถามถึงปัจจัยที่จะทำให้ต้องมีแผนสำรองฉุกเฉิน พบว่า เกือบ 46% คำนึงถึงการระบาดของโรคโควิด-19 ตามด้วยกฎหมายความมั่นคง 37%, สงครามการค้า
ระหว่างสหรัฐและจีน 31% และการประท้วง 28% ขณะที่ 23% ยังไม่มีแผนสำรองฉุกเฉิน

ผู้ตอบคำถามราว 44% กังวลเรื่องกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของจีนเพิ่มมากขึ้นโดยวิตกในประเด็นการขาดความชัดเจนในแง่ขอบเขตและการบังคับใช้กฎหมาย

ส่วนผู้ตอบคำถามมากถึง 75% กังวลต่อแนวโน้มในเชิงลบด้านโอกาสทางธุรกิจในฮ่องกง และกว่า 55% วิตกที่สุดเรื่องความสามารถทางการแข่งขันในระยะยาวของบริษัทอเมริกันในฮ่องกงและภูมิภาคนี้ และ 45% กังวลเรื่องผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่อบางภาคธุรกิจ