svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

14 ส.ค. 2548 บินแบบหลับ ๆ

14 สิงหาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

มีผู้เสียชีวิต 121 ราย จากอุบัติเหตุเครื่องบินโดยสารสายการบิน Helios Airways เที่ยวบิน 522 ที่เดินทางจากเมืองลาร์นาคา บนเกาะไซปรัส มุ่งหน้ากรุงปร๊าก สาธารณรัฐเช็ก ผ่านทางกรุงเอเธนส์ ของกรีซ พุ่งชนเนินเขาใกล้กับหมู่บ้านกรามมาติโกของกรีซ เมื่อ 14 สิงหาคม 2548 หลังจากที่เครื่องบินบินด้วยตัวเองจนน้ำมันหมด เนื่องจากนักบินสลบหมดสติจากปัญหาความดันภายในห้องบินลดลง

เรื่องนี้ถือเป็นอุบัติเหตุทางอากาศครั้งที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของกรีซ
เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นเครื่องรุ่น Boeing 737-31S เริ่มบินครั้งแรกเมื่อปลายปี 2540 ทางสายการบิน  Helios Airways สายการบินต้นทุนต่ำของไซปรัส ได้เช่ามันมาเมื่อ 16 เมษายน 2547  และให้ชื่อเล่นมันว่า Olympia ส่วนนักบินของเครื่องในวันที่ประสบเหตุคือ Hans-Jrgen Merten ชาวเยอรมันวัย 59 ปี ที่บินมา 35 ปี โดยบินมาแล้ว 16,900 ชั่วโมง และ  5,500 ชั่วโมง เป็นการบินกับเครื่อง  Boeing 737 ส่วนนักบินผู้ช่วยคือ Pampos Charalambous ชาวไซปรัสวัย 51 ปี  ที่บินกับสายการบินนี้มามากมายในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีชั่วโมงบิน 7,549 ชั่วโมง และ 3,991 ชั่วโมง เป็นการบินกับ เครื่อง  Boeing 737
ในวันนั้น บนเครื่องมีลูกเรือรวม 6 นายและผู้โดยสาร 115 คน รวมเป็น 121 คน
เครื่องบินลำนี้บินมาจากกรุงลอนดอน และมาถึงไซปรัสในช่วงเช้าวันเกิดเหตุ ลูกเรือชุดก่อนรายงานว่า พบน้ำแข็ง และมีเสียงผิดปกติมาจากประตูบริการด้านท้ายเครื่อง จึงขอให้มีการตรวจสอบประตูอย่างละเอียด วิศวกรภาคพื้นดินได้ตรวจสอบการรั่วไหลของความดันที่ประตู งานนี้ ระบบความดันจะต้องถูกเซ็ตที่ manual ก่อน แต่เมื่อเช็คเสร็จ ปรากฏว่าวิศวกรเกิดลืมเช็ตมันกลับไปที่ auto และเมื่อลูกเรือเข้าตรวจสอบระบบ 3 ครั้ง ก่อนการบินและหลังการเทคออฟ ก็ไม่เห็นความผิดปกติของการเซ็ตนี้
เครื่องบินออกเดินทางในเวลา 9:07 น. โดยที่ระบบความดัน ยังคงเซ็ตไว้ที่ manual และในที่สุดวาล์วที่ประตูด้านท้ายเครื่องก็เปิดออกบางส่วน เมื่อเครื่องบินไต่ระดับความสูง ความดันภายในห้องผู้โดยสารก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเครื่องขึ้นไปที่ความสูง 3,670 เมตร ระบบเตือนเรื่องความสูงในห้องนักบินก็เตือน ซึ่งตามปกติ นักบินก็ควรหยุดไต่ความสูง แต่ลูกเรือตีความการเตือนผิดไป 
ในช่วงไม่กี่นาทีต่อมา ระบบเตือนของเครื่องหลายระบบก็เตือนขึ้น รวมถึงระบบที่เตือนเรื่องอากาศไหลเข้ามาน้อยเมื่อเครื่องอยู่ที่ความสูง 5,500 และมันได้จัดการปล่อยหน้ากากออกซิเจนออกมาโดยอัตโนมัติ

14 ส.ค. 2548 บินแบบหลับ ๆ

ในช่วงนั้น นักบินได้ติดต่อกับภาคพื้นดิน แต่เขาก็ระบุปัญหาผิด และในการพูดกับวิศวกรคนที่ตรวจสอบประตู วิศวกรได้ขอให้นักบินยืนยันว่า ระบบความดันถูกเช็ตไว้ที่ auto แต่ปรากฏว่านักบินได้เข้าสู่ภาวะเบลอขั้นต้น และไม่ยอมตอบคำถามนี้ แต่หันไปถามคำถามอื่นแทน และนั่นเป็นการสื่อสารครั้งสุดท้ายกับทางนักบิน  เครื่องบินยังคงเดินหน้าไต่ระดับไปจนถึงความสูงประมาณ  10,000 เมตร และพอถึงเวลา 09:37 น. เครื่องบินก็เข้าสู่การควบคุมของกรีซ แต่เครื่องก็ไม่ได้พยายามติดต่อกับทางกรีซ ทางกรีซก็พยายามติดต่อกับเครื่องบิน 19 ครั้ง แต่ก็ไม่มีการตอบสนอง จึงมีการส่งเครื่องบินขับไล่  F-16 สองลำ เพื่อให้พยายามไปติดต่อกับทางเครื่องบิน และก็รายงานกลับมาว่า ไม่พบนักบินนั่งอยู่ในที่นั่งของนักบิน ส่วนนักบินผู้ช่วย นอนไม่เคลื่อนไหวอยู่ที่แผงควบคุม ภายในห้องผู้โดยสาร เห็นหน้ากากออกซิเจนห้อยระโยงระยาง

14 ส.ค. 2548 บินแบบหลับ ๆ

เวลา 11:49 น. Andreas Prodromou เจ้าหน้าที่บริการบนเครื่องได้เข้าไปในห้องนักบิน และนั่งลงบนที่นั่งของนักบิน เขายังมีสติเนื่องจากใช้เครื่องให้ออกซิเจนเคลื่อนที่ เขามีใบอนุญาตนักบินพาณิชย์อังกฤษ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้บินเครื่อง Boeing 737 และไม่น่าจะมีความสามารถมากพอในการควบคุมเครื่องรุ่นนี้ เขาได้โบกมือให้กับเครื่อง F-16 ทั้งสองเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องนักบิน ปรากฏว่าเครื่องยนต์ด้านซ้ายของเครื่องก็เกิดไฟลุกเพราะน้ำมันหมด และก็เริ่มลดระดับลง ในอีก 10 นาทีต่อมา เครื่องยนต์ขวาก็เกิดไฟไหม้อีก และในเวลา 12:04 น. เครื่องก็พุ่งชนเนินเขาพร้อมกับ 121 ชีวิตบนเครื่อง

logoline