ทรัมป์ย้ำให้เปิดโรงรียนก่อนเด็กสมองฝ่อ

เขตพื้นที่การศึกษาส่วนใหญ่ทั่วสหรัฐกำลังวางแผนเปิดภาคเรียนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าด้วยระบบการเรียนการสอนทางไกลเนื่องจากโรคโควิด-19 ยังระบาดรุนแรงแต่ทรัมป์ กล่าวเมื่อวานว่า การเรียนออนไลน์ไม่เคยเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพแทนการเข้าเรียนในห้องเรียน และเมื่อเด็กจ้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ภายในบ้าน สมองก็จะเริ่มฝ่อ

นอกจากนี้เขาอ้างว่า เด็กๆมีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ต่ำที่สุด โดยผู้เสียชีวิตมากถึง 99.95% เป็นวัยผู้ใหญ่ และเด็กๆมักมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อยและแทบไม่มีอาการ
แทรกซ้อน และเขาเชื่อมั่นว่า เขตการศึกษาหลายแห่งพร้อมให้โรงเรียนเปิดสอนได้อย่างปลอดภัยด้วยการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมทางสังคมและมาตรการทางสาธารณสุข นอกจากนี้ทรัมป์ประกาศว่า รัฐบาลจะจัดสรรหน้ากากผ้า 125 ล้านชิ้นให้กับเขตพื้นที่การศึกษาหลายแห่ง และแนะว่า เงินครึ่งหนึ่งจากงบสนับสนุนโรงเรียนที่อยู่ในแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่สภากำลังพิจารณาอยู่ ควรสงวนให้กับโรงเรียนที่เปิดสอนในห้องเรียน

แต่ถ้อยแถลงของทรัมป์มีขึ้นหลังจากเกิดปัญหาการระบาดของโควิด-19 ในโรงเรียนหลายแห่งที่กลับมาเปิดการสอนในห้องเรียน โดยเฉพาะที่เขตการศึกษาเชอโรกีในเมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ต้องให้โรงเรียนมัธยมปลาย 2 แห่งจาก 6 แห่งหยุดการสอนในห้องเรียนชั่วคราว หลังจากพบนักเรียนและครูติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทำให้นักเรียนครู และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนรวมเกือบ 1,200 คนต้องถูกกักตัวเพื่อเฝ้าระวัง และโรงเรียนทั้งสองแห่งจะปิดเรียนจนถึงวันที่ 31 ส.ค.
เขตการศึกษาแห่งนี้ต้องแจ้งปิดเรียนชั่วคราว หลังจากโรงเรียนในเขตพื้นที่เพิ่งกลับมาเปิดสอนตามปกติได้เพียง 8 วัน โดยไม่มีการบังคับให้นักเรียนสวมหน้ากาก แม้จะมี
คำแนะนำว่าการสวมหน้ากากจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ และทำให้โรงเรียนสามารถเปิดสอนต่อได้

แต่เขตการศึกษาส่วนใหญ่ยังไม่รีบร้อนเปิดสอนในห้องเรียน เช่น ในรัฐนิวเจอร์ซีตัดสินใจยกเลิกคำสั่งที่ให้โรงเรียนรัฐ 2,500 แห่งเปิดการสอนในห้องเรียนโดยอนุญาตให้บางแห่งเปิดสอนทางไกลได้ในภาคเรียนที่จะเริ่มขึ้นในเดือนหน้า