เตือน"โรคเนื้อเน่า"-แบคทีเรียกินเนื้อคน
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
น่าน - รพ.น่าน เตือนชาวนาลงแปลงนาต้องใส่รองเท้า หรือเครื่องป้องกัน ป้องกันโรคเนื้อเน่า เผยเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว 3 ราย ขณะที่ปี 62 มีผู้ป่วย 110 ราย
นายแพทย์พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน เปิดเผยว่า "โรคเนื้อเน่า" (Necrotizing Fasciitis) หรือแบคทีเรียกินเนื้อคนในช่วงฤดูฝนที่ชาวบ้านต้องลงแปลงนา โดยไม่ใส่รองเท้า หรือเครื่องป้องกัน แช่น้ำลงนา โดยในปี 2562 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเนื้อเน่าหนังเน่า จำนวน 110 ราย ซึ่งปีนี้จึงได้มีการเฝ้าระวัง
โดยล่าสุดมีผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาล เป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนัง หรือเรียกว่าโรคหนังเปื่อย เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลน่านแล้ว จำนวน 3 ราย เป็นผู้สูงอายุทั้ง 3 ราย เป็นเบาหวาน 1 ราย อายุอยู่ที่ 77, 67 และ 59 ปีโดยมีประวัติเป็นแผลที่ขาแล้วไปลงน้ำลงแปลงนา 2 ราย และมีแผลจากโดนท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ 1 ราย ผู้ป่วยทั้งสามรายมีประวัติเหมือนกัน คือ เมื่อเกิดมีแผลไม่ได้รีบมาหาแพทย์ที่โรงพยาบาล แต่ปล่อยให้แผลบวมแดงทั้งขาก่อนจึงค่อยมาสำหรับโรคดังกล่าวนี้ เป็นโรคที่ติดเชื้อจากทางผิวหนังลุกลามเข้าสู่กล้ามเนื้อจนเป็นแผลพุพอง และมีหนอง ลามเข้าไปถึงกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง ซึ่งบางรายต้องทำการผ่าตัด หรือกรีดเนื้อ เปิดแผล เพื่อให้หนองไหลอกมา
อย่างไรก็ดี ผู้ป่วยโรคเนื้อเน่า เล่าว่า ได้ลงน้ำไปทำนาข้าว ซึ่งมีบาดแผลอยู่แล้วที่หน้าแข้ง ได้ไปที่แปลงนาข้าว เพื่อทำนาระหว่างทำนานั้นไม่ได้ใส่รองเท้า หรือเครื่องป้องกันแต่อย่างใดและเมื่อกลับมาบ้าน รู้สึกว่าคันบริเวณเท้า ได้อาบน้ำล้างเท้าและทายา แต่ไม่หาย และคันมาเรื่อยๆ ประมาณ 3 วัน มีไข้ เริ่มมีแผลพุพองขึ้นมา และเริ่มปวดขา จึงได้ให้ญาติ นำตัวส่งโรงพยาบาลในเบื้องต้นผู้ป่วยที่กำลังพักรักษาตัวอยู่นี้ จำนวน 3 ราย ทางทีมแพทย์ได้ให้ยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือดและดูอาการตลอด 24 ชั่วโมง
รองผู้อำนวยการ รพ.น่าน กล่าวว่า โรคเนื้อเน่าเกิดจากแบคทีเรีย ชนิดสเตรปโตคอคคัส กรุ๊ปเอ หรือสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส หรือแบคทีเรียชนิดไม่ใช้ออกซิเจนบางชนิด ซึ่งสามารถสร้างสารพิษที่ทำลายเนื้อเยื่อของร่างกายได้ โดยแบคทีเรียกลุ่มนี้จะเข้าไปในร่างกายผ่านทางบาดแผล จึงมักจะเป็นในผู้สูงอายุที่มีผิวหนังถลอกได้ง่าย หรือถ้าเป็นผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดี เช่น เบาหวาน ไตวายเรื้อรัง ดื่มสุราเป็นประจำ จะมีอาการรุนแรงกว่าปกติ
ลักษณะของแผลจะเริ่มต้นผิวหนังจะเป็นสีแดง ลามไปทั่วภายในไม่กี่ชั่วโมง เมื่อลามจนถึงชั้นหนังแท้ จะมีแผลพุพองเหมือนน้ำร้อนลวก ผิวหนังบางส่วนจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง หรือดำซึ่งแสดงว่าผิวหนังส่วนนั้นตายไปแล้ว บริเวณของแขนและขาที่เป็นจะบวมมาก ปวดแผลมาก มีไข้สูง ถ้าไม่รีบรักษา จะติดเชื้อในกระแสเลือดจนถึงเสียชีวิตได้
สำหรับการป้องกัน คือ ถ้ามีบาดแผลถลอกแม้เล็กน้อย ไม่ควรลงน้ำ ลงทำนา ควรรอให้แผลหายก่อน ควรใส่รองเท้าบูทเพื่อป้องกันเศษไม้ เศษตะปูตำ เศษแก้วบาด กรณีที่มีแผลบวมแดงเล็กน้อยในระยะแรก หรือมีเศษไม้ตำแนะนำให้ รีบขึ้นจากโคลน ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาด ล้างโคลนทรายออกให้มากที่สุด อาจจะใส่ยาโพวิโดนไอโอดีนถ้ามี แล้วไปที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้านเพื่อนำเศษไม้ หรือดินทรายที่มีเชื้อโรคแทรกอยู่ออก รวมทั้งให้ยาปฎิชีวนะจะช่วยให้อาการไม่ลุกลามบานปลายจนกลายเป็นแผลขนาดใหญ่ได้
ส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคเนื้อเน่านั้นแพทย์จะผ่าตัดเพื่อตัดเนื้อหรือหนังที่ตายออกและเปิดแผลทิ้งไว้ให้เนื้อที่ตายแล้วสีเหลืองๆค่อยๆสลายออกมา จนเป็นสีแดงทั้งหมด และถ้าแผลใหญ่อาจจะต้องทำการตัดผิวหนังที่อื่นบางส่วนมาปะบริเวณนั้นอีกที ซึ่งต้องใช้เวลาการรักษานาน 15-30 วัน