ผอ.แจงไม่ได้ไล่เด็กไปเรียนที่อื่น

จากการณีผู้ปกครองเขียนหนังสือด้วยลายมือร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวหลัง ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน หมู่ 9 ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหารได้มีคำสั่งให้ลูกชายอายุ 11 ปี ย้ายโรงเรียนไปเรียนที่โรงเรียนที่ห่างจากบ้านประมาณ 4 กิโลเมตร โดยอ้างเหตุผลว่าลูกชายตัวเองเกเรมีนิสัยก้าวร้าวเกรงว่าจะทำร้ายครูจึงไม่สามารถให้เรียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ได้ ทำให้ตัวเองที่หาเช้ากินค่ำต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้ประสบปัญหามาก อยากขอร้องให้ ผอ.เห็นใจให้ลูกชายกลับมาเรียนที่เดิมเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 63  นายปรัชญา มานะวงศ์ ผอ.โรงเรียนบ้านสามขามิตรภาพ 3  กล่าวว่า ความจำเป็นที่ต้องให้นักเรียนวัย 11 ปี ไปเรียนที่อื่นนั้นเป็นการยินยอมจากผู้ปกครองแล้ว ก่อนหน้านี้นักเรียนคนดังกล่าวมีปัญหา ครูเรียกเข้ามาเตือนตลอด เช่น เอาบุหรี่มามวนสูบในสนามเด็กเล่น รังแกเพื่อนในห้อง ทางครูและผอ.ก็เรียกมาตักเตือนตลอด บางครั้งก็เชิญผู้ปกครองมาคุยเป็นกลุ่ม รวมทั้งผู้ปกครองเด็กที่ย้ายไปด้วย ผู้ปกครองทุกคนรับทราบและได้ช่วยกันปรับพฤติกรรม  ในส่วนของเด็กชายวัย 11 ปี ยังมีพฤติกรรมซ้ำ ๆ เช่นเถียงครูอาจารย์ ไม่ยอมเข้าห้องเรียน เข้าไปกวนเพื่อนขณะเรียนตามห้องต่างๆ ซึ่งการให้ย้ายไปเรียนที่อื่นในครั้งนี้ได้มีการพูดคุยกันไว้แล้ว ว่าถ้าเด็กคนเดียวหรือเด็กกลุ่มหนึ่งทำให้นักเรียนส่วนมากอยู่แบบไม่สงบก็จะขอความร่วมมือกับผู้ปกครองให้เด็กไปปรับแก้สภาพแวดล้อมที่โรงเรียนใกล้เคียงเป็นแนวทางที่คุยกันเบื้องต้นซึ่งผู้ปกครองก็รับปาก
 

  เมื่อเปิดเทอมมีพฤติกรรมความรุนแรงมากขึ้น เช่น เถียงครู ไม่ทำงานที่สั่ง ใช้วาจาไม่สุภาพ ก่อกวนเพื่อนร่วมห้องและต่างห้อง เมื่อเรียกขึ้นมาหา ผอ.ก็ไม่ขึ้นมาหาที่ห้อง  จึงให้ธุรการทำหนังสื่อเชิญผู้ปกครองมามาให้ข้อมูลตามข้อเท็จจริง ส่วนข้อเท็จจริงนั้นทางโรงเรียนไม่ได้ให้เด็กชายวัย 11 ปีย้ายไปในทันทีเราบอกข้อมูลว่าเด็กมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวขึ้นกว่าเดิมยกระดับความรุ่นแรงมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าถึงระดับด่าคุณครูรุ่นแรงแบบนี้อาจจะเกิดความไม่ปลอดภัยกับคุณครู คุณครูก็รู้สึกกลัว รวมทั้งเพื่อนๆในห้องก็มาบอกว่าเขากลัวเด็กชายคนนี้ทำร้าย
  

ส่วนข้อความที่แม่เขียน จ.ม. ถึงผู้สื่อที่ระบุว่า ผอ.บังคับให้ย้าย และก็บอกว่าเป็นการเรียกมาครั้งเดียวแล้วสั่งย้ายเลย และบอกว่าเด็กมีความเก่งกล้าจะตีครูซึ่งจริงๆทาง ผอ.ไม่ได้พูดแบบนั้นเลยรวมทั้งข้อความที่บอกว่าเขาเป็นหัวหน้าหัวหน้าแก๊ง จะเอาเพื่อนมาทำร้ายครู ไม่เคยออกจากปาก แต่ผอ.ได้พูดในเชิงว่าพฤติกรรมความรุนแรงถึงขั้น เถียงครู ด่าครูแล้วขั้นต่อไปไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น จึงคุยกับผู้ปกครองว่าให้ทำการปรับพฤติกรรมเด็กให้ไปเรียนที่โรงเรียนใกล้เคียงเผื่อเด็กได้ย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนใกล้เคียงแล้วเขาจะได้ใช้เวลาในการปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นมันก็จะเป็นการช่วยให้เด็กได้อยู่กลับเพื่อนๆโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ถ้าพฤติกรรมดีขึ้นก็สามารถกลับมาได้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามต่อว่าก่อนย้ายทางโรงเรียนได้ลงพื้นที่ไปดูบ้านเด็กหรือไม่ว่ามีฐานะทางครอบครัวเป็นแบบไหน ซึ่งทางผอ.ได้บอกว่าจากการสังเกตเห็นเด็กมีรถจักรยานยนต์ก็เลยสรุปเองว่าถ้าผู้ปกครองปล่อยให้เด็กเอารถจักรยานยนต์มาโรงเรียนเองได้ก็คงเป็นที่มีฐานะพอสมควร