ร.ต.อ.วัชระ กรพิทักษ์ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกชิงทองรูปพรรณ ที่ร้านทองเยาวราช กรุงเทพฯ สาขาท่าตะโก ตั้งอยู่ภายในห้างบิ๊กซี สาขาเทศบาลท่าตะโก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ จึงประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.สมบูรณ์ ทองลอย ผกก.สภ.ท่าตะโก ตำรวจสายตรวจ และฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุพบพนักงานหญิงอยู่ในอาการตื่นตกใจ ให้การว่า คนร้ายเป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสีดำ สวมกางเกงขายาว สวมหน้ากากอนามัยสีดำเดินเข้ามาที่ร้าน แล้วใช้อาวุธปืนยาวที่มีถุงพลาสติกสีขาวห่อไว้เอาปากกระบอกปืนจี้บังคับให้หยิบทองในตู้โชว์ใส่ถุง ด้วยความกลัวจึงหยิบทองรูปพรรณ หนัก 2 บาท จำนวน 14 เส้น ทองรูปพรรณ หนัก 2 สลึง 20 เส้น รวมน้ำหนักทองประมาณ 38 บาท มูลค่า 1,136,200 บาท ส่งให้ไป จากนั้นคนร้ายก็รีบเดินออกจากห้างไป
พ.ต.อ.สมบูรณ์ ทองลอย ผู้กำกับการ สภ.ท่าตะโก เร่งตรวจสอบในพื้นที่พร้อมระดมอาสาสมัคร สายตรวจ ตั้งจุดสลกัดเส้นทางการหลบหนีทั่วทั้งอำเภอแต่ไร้วี่แวว
พ.ต.อ.สมบูรณ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุและกล้องจงจรปิด ทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นชาย รูปร่างผอมสูง สวมหมวกสีดำบังใบหน้า สวมแมสสีดำ พฤติกรรมคนร้ายได้จอดรถกระบะสี่ประตูสีขาว ใช้กระดาษปิดแผ่นป้ายทะเบียนไว้ จอดรถไว้หน้าห้างสรรพสินค้าห่างจากประตูห้างสรรพสินค้าไม่มากนักลักษณะเหมือนจะติดเครื่องยนต์ไว้
จากนั้นคนร้ายได้เดินถือปืนยาวที่ห่อด้วยผ้าสีขาว เดินตรงมาที่ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ สาขาห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซึ่งตั้งอยู่ห่างประตูห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีประมาณ 30 เมตร ตรงมาหน้าเค้าเตอร์โยนถุงผ้า พร้อมใช้อาวุธปืนยาวจี้บังคับพนักงานขายในร้าน ให้กวาดทองรูปพรรณใส่ถุงให้ไม่เช่นนั้นจะยิงให้ตาย พนักงานขายกลัวจึงหยิบทองรูปพรรณใส่ถุงส่งให้คนร้าย ใช้เวลาลงมือไม่ถึง 1 นาทีสามารถหิ้วถุงทองรูปพรรณวิ่งออกไปขับรถหนีไปได้ โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้ทั้งหมด
และยังจับภาพรถคนร้ายที่ขับรถออกมาทางหน้าห้างสรรพสินค้า จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามเส้นทางถนนสายท่าตะโก-หนองบัว เบื้องต้นจากการสอบสวนพนักงานขายทราบว่า คนร้ายสามารถกวาดทองรูปพรรณ หนัก 2 บาท จำนวน 14 เส้น หนัก2สลึง 20 เส้น รวมน้ำหนัก 38 บาท มูลค่า 1,136,200 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนสามหมื่นหกพันสองร้อยบาท) ขับรถหลบหนีไปได้
ต่อมา พล.ต.ต.สุกฤษฎิ์ บุญทรง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ได้เดินทางไปยังห้างบิ๊กซีสาขาอำเภอท่าตะโก เพื่อตรวจสอบยังร้านทองที่เกิดเหตุ จากนั้นได้เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวน สภ.ท่าตะโก ชุดสืบสวนสอบสวนภูธรจังหวัดนครสวรรค์ หน่วยเคลื่อนที่เร็ว หน่วยปราบปรามพิเศษ จังหวัดนครสวรรค์ สนธิกำลังชุดสืบสวน สภ.หนองบัว สภ.ชุมแสง สภ.ไพศาลี สภ.ตาคลี เพื่อนำเอากล้องวงจรปิดมาตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อหาเส้นทางหลบหนี
พล.ต.ต.สุกฤษฎิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจากภาพวงจรปิดสามารถจับภาพพฤติกรรมคนร้ายได้ชัดเจน จะเห็นว่าคนร้ายมีการวางแผนมาอย่างดี โดยเลือกใช้อาวุธปืนยาวมาก่อเหตุน่าจะมีการมาดูลาดเหลาก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งได้สั่งการให้ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนครสวรรค์เร่งแกะลอยตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในห้างสรรพสินค้า ในร้านทองที่เกิดเหตุนำมาเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมคนร้าย พร้อมทั้งตรวจสอบรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุว่าหมายเลขทะเบียนอะไร ในรถมีคนร้ายอีกหรือไม่ น่าได้ภาพสะเก็ตคนร้ายได้
พล.ต.ต.สุกฤษฎิ์ กล่าวว่า การไล่ล่าคนร้ายตนได้สั่งการให้แบ่งการทำงานออกเป็นชุดๆ เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.ท่าตะโก จะเร่งสอบปากคำพยานให้มากที่สุด ทั้งพยานในห้างสรรพสินค้า พยานที่เห็นเหตุการณ์ และตรวจสอบลายนิ้วมือ เพื่อเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ให้ชุดสืบสวนได้แกะลอยคนร้าย ส่วนชุดสืบสวนฝีมือดีของจังหวัดได้กระจายกำลังออกเป็นสองสายไปตามตัวคนร้ายในจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดอ่าทอง สิงห์บุรี ส่วนประเด็นเกลือเป็นหนอนนั้นตำรวจไม่ได้ตัดทิ้งแต่อย่างใด