คุณน้ำ-ตวงกมลวรรณ สิงห์ทอง คุณแม่ของน้องพลอยใส วัย 11 ขวบ และน้องไตตั้น วัย 3 ขวบ ที่ตัดสินใจเลือกเส้นทางการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมากว่า 2 ปี หากไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน เราคงไม่มีทางรู้ได้เลยว่า สาวร่างเล็กคนนี้จะเคยผ่านบททดสอบของชีวิตคู่ที่ถาโถมเข้ามาเหมือนพายุร้าย เพราะในวันนี้เธอไม่เหลือเค้าความเศร้านั้นให้เห็นอีกต่อไป
คุณน้ำเล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้มว่า กว่าจะเข้มแข็งได้แบบทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะช่วงแรกๆ ที่ตัดสินใจแยกออกมาดูแลลูกด้วยตัวเองนั้นต้องเจออุปสรรคหลายอย่าง ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและการจัดสรรเวลาให้กับลูกทั้งสองคน "เราเคยท้อมาก ร้องไห้ทุกวัน แต่เมื่อตัดสินใจเดินออกมาแล้ว หน้าที่ของเราคือการเติมเต็มช่องว่างที่หายไปให้ลูกไม่รู้สึกขาด เราต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูกได้ ลูกต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะพยายามมอบให้ลูก และนั่นเป็นสาเหตุหลักที่เราเลือกมาขับแกร็บคาร์เพราะสามารถจัดสรรเวลาให้ลูกได้ดีกว่า เนื่องจากมีอิสระในการเลือกเวลาทำงานและสร้างรายได้ตามช่วงเวลาที่เราสะดวก"
"ก่อนสมัครเป็นพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บเราก็ศึกษาข้อมูลจากญาติที่ขับอยู่ ทำให้มั่นใจมากขึ้นว่าอาชีพนี้จะทำให้เราจัดตารางเวลาให้ลูกได้ อย่างช่วงที่ลูกป่วย เราสามารถหยุดรับงานแล้วพาเค้าไปหาหมอได้ทันที ในขณะที่งานประจำที่เราเคยทำก่อนหน้านี้ไม่เอื้อให้เราสามารถทำได้ เวลาทำงานไม่ได้ยืดหยุ่นขนาดนี้ และถึงเเม้จะไม่มีวันหยุดตายตัว แต่เมื่อมีเวลาว่างเราก็จะโทรหรือ VDO Call หาลูกอยู่เสมอ เพื่อให้เขารู้สึกว่าเราอยู่กับเขา ไม่ได้ห่างไปไหน ทุกวันนี้การขับแกร็บคือรายได้หลักที่ทำให้เราดูแลครอบครัวและใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี"
แม้ว่าการต่อสู้ชีวิตและฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อดูแลน้องๆ มาตั้งแต่เด็กอาจดูเป็นข้อได้เปรียบ แต่เมื่อเธอเริ่มมีครอบครัวเป็นของตัวเองและมีลูกน้อยที่ต้องดูแลกลับพบว่า บทบาทของความเป็นแม่ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายที่สุดในชีวิต คุณหญิงเล่าว่า "ตอนที่ทำงานเลี้ยงน้องๆ เราอาจจะเหนื่อยก็จริง แต่ความกดดันไม่ได้เยอะเท่ากับตอนที่เรามีลูก เรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตอีกครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะเราต้องดูแลรายละเอียดทุกอย่างของลูก ต้องเป็นให้ได้มากกว่าแม่ รวมถึงเรียนรู้ที่จะเลี้ยงพวกเขาด้วยความเข้าใจ เป้าหมายของเราคืออยากให้ลูกโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ลำบากเหมือนเราก็พอแล้ว ส่วนในอนาคตเขาอยากทำอาชีพอะไร เราก็พร้อมสนับสนุนทุกอย่าง ขอแค่เป็นสิ่งที่ดี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ"
"ยอมรับว่าช่วงที่เริ่มมาขับรถส่งอาหารแรกๆ ก็มีความประหม่าอยู่บ้าง แต่พอทำไปสักพักก็เริ่มคล่องตัวขึ้น ลูกค้าที่เจอส่วนใหญ่มักใจดี บวกกับรายได้ในแต่ละวันก็ถือว่าเพียงพอสำหรับนำมาใช้จ่ายภายในครอบครัวได้ ลูกๆ ทั้งสองคนก็รู้ว่าแม่ขับแกร็บส่งอาหารเกือบทุกวัน เขาก็รู้ว่าเราเหนื่อยกว่าจะได้เงินมา โชคดีที่เด็กๆ ไม่เคยกวน ไม่อยากซื้อของแพงๆ หรือเวลาจะซื้อขนม เขาก็จะถามเราก่อนทุกครั้งว่าวันนี้เราได้เงินเยอะไหม หากได้เยอะจึงค่อยขอ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่ลูกแสดงออกมาทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น และแม้ว่าเราจะมีต้นทุนชีวิตไม่มาก แต่ในฐานะแม่ เราก็พร้อมสู้ต่อไปเพื่อสร้างอนาคตที่ดีที่สุดให้กับลูก"
แม้จะมีภูมิหลังและผ่านประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่สะท้อนออกมาจากแววตาและถ้อยคำของทั้งสองสาว คือ "หัวใจของความเป็นแม่" ทั้งคุณหญิงและคุณน้ำต่างมีเป้าหมายร่วมกัน คือการสร้างรากฐานแห่งอนาคตที่มั่นคงให้กับลูก ด้วยสองมือและกำลังใจที่เต็มเปี่ยม
และเพื่อเป็นการระลึกถึงและขอบคุณความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่ ในปีนี้ แกร็บ ประเทศไทย ร่วมกับ มิสเตอร์ โดนัท ชวนพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บทั่วประเทศร่วมบอกรักแม่ด้วย "โดนัทลายดอกมะลิ Grab Loves Mom" ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นพิเศษเนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ กับ 2 ลายสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จำนวนทั้งสิ้น 10,000 เซ็ท (รวม 20,000 ชิ้น) โดยพาร์ทเนอร์คนขับสามารถกดรับสิทธิได้ฟรี (ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแอปพลิเคชันของคนขับ)