"RadioTimes.com" ระบุว่า ชาวอังกฤษพากันเทคะแนนให้ฌอน คอนเนอรี (Sean Connery) ผู้สวมบทเจมส์ บอนด์ สายลับเจ้าเสน่ห์ชาวอังกฤษ เจ้าของรหัส 007 อย่างท่วมท้นถึง 44% แม้ว่าจะมีนักแสดงชายอีกหลายคนที่มารับบทนี้ แต่ไม่มีใครลบตำนานที่เขาสร้างไว้ในฐานะบอนด์คนแรกได้ นอกจากคอนเนอรีแล้ว นักแสดงคนอื่นที่ได้รับคะแนนรองลงมาคือ ทิมโมธี ดัลตัน (Timothy Dalton) ได้ 32% และเพียร์ซ บรอสแนน (Pries Brosnan) ได้ 23%
การสำรวจได้จัดทำโดยการสอบถามชาวอังกฤษมากกว่า 14,000 คน และแบ่งเป็นหลายรอบ โดยรอบแรกเปรียบเทียบระหว่างบอนด์คนแรกกับคนปัจจุบัน ซึ่งคอนเนอรีเอาชนะแดเนียล เคร้ก ด้วยคะแนน 56% ต่อ 43% ส่วนการเปรียบเทียบระหว่างบรอสแนน กับจอร์จ ลาเซนบี ที่สวมบทนี้เพียงครั้งเดียว เมื่อปี 2512 (ตอน On Her Majesty's Secret Service) พบว่า บรอสแนนเอาชนะไปอย่างท่วมท้น 76% ต่อ 24%
ส่วนรอบที่ 3 โรเจอร์ มัวร์ พ่ายแพ้ทิมโมธี ดัลตัน ที่รับบทต่อจากเขาไปอย่างเหลือเชื่้อด้วยคะแนน 41% ต่อ 49% แต่รอบสุดท้ายที่เอาผู้ชนะของแต่ละรอบมาแข่งกันพบว่า คอนเนอรีชนะขาดลอย สมตำนานแห่งการเป็น "บอนด์ตลอดกาล"
ทิม แกลนฟิลด์ บรรณาธิการอำนวยการของ RadioTimes.com ระบุว่า เป็นอีกครั้งแล้ว ที่คอนเนอรีพิสูจน์ให้เห็นว่า เขาเป็น "บอนด์" ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
ฌอน คอนเนอรี เกิดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ปี 2473 และกำลังจะมีอายุครบ 90 ปี ในปลายเดือนนี้ ก่อนจะมารับบทสายลับที่มีฝีมือระดับพระกาฬ ตามบทประพันธ์ของ
เอียน เฟลมมิ่ง เขาเป็นเพียงตัวประกอบโนเนม และมีอาชีพเสริม คือรับจ้างส่งนมขวดตามบ้าน ที่ไม่มีบุคลิกของบอนด์ตามต้นฉบับในนิยายอีกด้วย แต่หลังจากได้รับการคัดเลือกให้เข้าทดสอบบท เขาเดินเข้าไปหยิบบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะและคาบใส่ปากก่อนพูดประโยคอมตะว่า "Bond, James Bond"
เมื่อบอนด์ตอนแรกคือ "Dr. No หรือชื่อภาษาไทยว่า พยัคฆ์ร้าย 007" ที่ใช้ทุนสร้างในสมัยนั้นสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์ ออกฉายเมื่อปี 2512 ก็กวาดรายได้ถล่มทลายถึง 59,600,000 ดอลลาร์ ซึ่งถ้าเทียบกับปัจจุบัน จะมากกว่านั้นหลายเท่า คอนเนอรีสวมบทบอนด์อยู่ถึง 5 ตอน ก่อนเปลี่ยนตัวเป็นนักแสดงชาวออสเตรเลีย จอร์จ ลาเซนบี้ แต่กลับไม่ได้รับความนิยม ทำให้คอนเนอรีกลับมารับบทนี้อีก เมื่อปี 2514 (ตอน Diamonds Are Forever)
สำหรับเจมส์ บอนด์ ตอนล่าสุด คือ No Time To Die ที่แสดงโดยแดเนียล เคร้ก และเป็นตอนสุดท้ายที่เขาสวมบทนี้ มีกำหนดออกฉายเดือนพฤศจิกายน