ผู้นำโลก 15 ประเทศ รวมทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมการประชุมทางไกล ตามการเรียกร้องและจัดโดยประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส กับสหประชาชาติ พร้อมกับคำให้คำมั่นว่า จะให้เงินช่วยเหลือมากกว่า 252.7ล้านยูโร หรือเกือบ 9,300 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูบูรณะกรุงเบรุต ที่พ่วงมากับเงื่อนไขที่ว่า รัฐบาลเลบานอนจะต้องปฏิบัติตามพันธกิจเรื่องการปฏิรูป และดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่้อปลดล็อคการสนับสนุนระยะยาว ที่นำไปสู่การพลิกฟื้นเศรษฐกิจและการเงิน
มาครงเป็นผู้นำโลกคนแรกที่ไปเยือนเลบานอน อดีตอาณานิคมของฝรั่งเศส หลังจากเกิดระเบิดที่โกดังเก็บแอมโมเนียม ไนเตรท ที่คร่าชีวิตประชาชนมากกว่า 150 คน บาดเจ็บราว 6,000 คน และไร้ที่อยู่อาศัยราว 3 แสนคน
ในแถลงการณ์ร่วมของผู้นำโลก ระบุด้วยว่า ความช่วยเหลือในด้านการไต่สวนที่เป็นกลาง, น่าเชื่อถือและเป็นอิสระ เกี่ยวกับเหตุระเบิดที่โกดังเก็บแอมโมเนียม ไนเตรท ที่ท่าเรือในกรุงรุต เมื่อวันอังคาร เป็นสิ่งจำเป็นที่สามารถดำเนินการได้ทันทีตามข้อเรียกร้องของเลบานอน
แถลงการณ์ร่วมได้ออกมาหลังการประชุมของตัวแทนจากเกือบ 30 ประเทศ รวมทั้งสหภาพยุโรป หรือ อียู กับสันนิบาตอาหรับ แต่ไม่ได้มีการระบุจำนวนเงินช่วยเหลือจากประเทศเหล่านี้ แต่ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส ระบุว่า วงเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจะอยู่ที่ 252.7 ล้านยูโร รวมทั้งของฝรั่งเศส 30 ล้านยูโร หรือราว 1,100 ล้านบาท และเยอรมนี 20 ล้านยูโร หรือราว 735 ล้านบาท
ด้านหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐ หรือ ยูเอสเอด (USAID) ประกาศว่า สหรัฐฯจะให้ความช่วยเหลือ 15 ล้านดอลลาร์ หรือราว 467 ล้านบาท ที่ไม่ใช้งบจากรัฐบาล ส่วนสหประชาชาติ ระบุว่า เลบานอนจำเป็นต้องได้รับเงินช่วยเหลือฉุกเฉินเร่งด่วน 117 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,600 ล้านบาท ภายใน 3 เดือน นับจากนี้ เพื่อเป็นงบประมาณด้านสาธารณสุข อาหาร ที่พักพิงฉุกเฉิน การแจกจ่ายอาหารและโครงการต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19