ลูกน้อยใจพ่อ ปืนจ่อขมับดับ

 (5 ส.ค.63) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการนเรนทรตรัง (1669) ได้รับแจ้งเหตุมีคนใช้อาวุธปืนยิงตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในบ้านเลขที่ 93/1 หมู่ 1 ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง (ซอยหน้า รร.บ้านเกาะเคี่ยม) หลังรับแจ้งเหตุจึงได้ประสานและสั่งการ หน่วยแพทย์กู้ชีพ รพ.ตรังรวมแพทย์ และ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง ออกรับผู้บาดเจ็บ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตำบลหนองตรุดเข้าร่วมตรวจสอบ 
ถึงที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว อยู่ติดกับถนนภายในซอย เข้าไปภายในบ้านบริเวณห้องโถง พบร่างของนายนพรัตน์ เกลี้ยงจุ้ย (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดรวมทั้งมีเศษสมองที่เจิงนอนอยู่เต็มพื้น ไม่รู้สึกตัว มีอาการหายใจรวยริน ตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าผู้บาดเจ็บได้ใช้อาวุธปืนแมกกาซีนขนาด .9 มม.จ่อยิงขมับด้านขวา กระสุนทะลุขมับซ้าย ซึ่งตกอยู่ใกล้ร่าง ใกล้กันยังพบปลอกกระสุนขนาดดังกล่าวตกอยู่จำนวน 1 ปลอกเจ้าหน้าที่จึงเจ็บไว้เป็นหลักฐาน 

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวผู้ตายอาศัยอยู่กับพ่อแม่ และญาติๆ โดยนิสัยส่วนตัวไม่ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ ก่อนหน้าจะเกิดเหตุพ่อและแม่ของผู้ตายได้พูดคุยเพื่อให้ลูกชายหัดขับรถและให้ไปช่วยขายของที่ร้านของชำภายในตลาดท่ากลาง (เขตเทศบาลนครตรัง) ซึ่งเป็นร้านของพ่อและแม่ เพื่อที่จะให้ลูกชายได้ทำงาน เพราะที่ผ่านมาผู้ตายไม่ได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง 
ด้านพ่อปาดน้ำตา เผยปมลูกชายขโมยปืนยิงตัวตาย น้อยใจพ่อแม่สอนให้พึ่งพาตัวเอง หากไม่มีพ่อกับแม่จะอยู่ยังไง แต่ลูกกลับคิดว่าถูกดูถูกว่าเป็นคนโง่ ก่อนพูดเป็นลางสังหรณ์ไว้ว่า ถ้าไม่มี "ก็ตายเสียแหละ"
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดศรัทธาธรรม หมู่ 5 ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลศพ นายวิรัตน์ เกลี้ยงจุ้ย อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นพ่อของ "น้องแทน" กล่าวทั้งน้ำตากับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองมีลูกชายจำนวน 2 คน พี่ชายคนโตชื่อ "น้องทัน" และคนสุดท้องคือ "น้องแทน" 

นายวิรัตน์ เล่าว่าเมื่อช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้านี้ ลูกชายคนโตได้กลับมาบ้านเพื่อที่จะมารับน้องไปช่วยทำงานที่ร้านต่อ เป็นการสลับเวรกันตามปกติ จากการบอกเล่าของลูกชายคนโตบอกว่า เมื่อจอดรถถึงหน้าบ้านได้ยินเสียงปืนดังสนั่นออกมาจากในตัวบ้านทันทีจำนวน 1 นัด พี่ชายจึงรีบวิ่งเข้าไปเปิดประตูบ้าน พบว่าน้องชายล้มฟุบจมกองเลือดอยู่ที่ประตูด้านในบ้านแล้ว จึงรีบโทรศัพท์มาบอกตนเองว่าน้องยิงตัวตายแล้วก่อนจะแจ้งหน่วยกู้ชีพ-กู้ภัยเข้ามารับเพื่อช่วยเหลือ นายวิรัตน์ เล่าอีกว่า อาวุธปืนที่ลูกใช้ยิงตัวเองนั้นเป็นปืนของตนเอง ซึ่งตั้งอยู่ภายในบ้าน โดยที่ไม่คิดเลยว่าลูกจะนำมายิงตัวเอง ปกติลูกชายจะช่วยตนเองขายของและตัดปาล์มน้ำมัน ส่วนตัวลูกเป็นคนเก็บตัว ไม่มีเพื่อน และไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร แทบจะไม่ออกจากบ้านเลย นอกจากไปทำงาน คืนก่อนเกิดเหตุ ได้พูดคุยกับลูกเป็นการสอนว่า ให้เก็บเงินบ้าง เพราะเขาทำงานมาแล้ว จะไม่ค่อยเก็บเงินเลย ชอบตั้งไว้ตั้งเพ่นพ่าน อีกทั้งลูกไม่เคยใช้จ่ายเงินเลย ไม่เคยซื้ออะไรเลย เสมือนมองว่าเงินไม่มีคุณค่า แม้กระทั่งของกินก็ไม่ซื้อ มีแต่คนอื่นจะซื้อมาให้ตลอด จึงอยากให้ลูกเก็บเงินบ้างจะได้มีเงินเก็บ และพึ่งพาตัวเองให้ได้